กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และกระทรวงศึกษาธิการ โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามความร่วมมือยุติวัณโรคและวัณโรคดื้อยาประเทศไทย จัดทำฐานข้อมูลผู้ป่วย อบรมบุคลากร จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางห้องปฏิบัติการวัณโรคระดับนานาชาติ พัฒนาเครือข่ายบริการในโรงพยาบาลและชุมชนและวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี

           วันนี้ (10 พฤษภาคม 2561) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และศาสตราจารย์ ดร.นพ.ประสิทธิ์  วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการเพื่อเร่งรัดยุติวัณโรคและวัณโรคดื้อยาของประเทศไทย
 
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ประเทศไทย มีนโยบายเข้มแข็งในการเร่งรัดการลดอุบัติการณ์วัณโรคตามยุทธศาสตร์ยุติวัณโรคขององค์การอนามัยโลก (The END TB Strategy) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค พ.ศ.2560-2564 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ต้องอาศัยความร่วมมือและความเป็นเจ้าของร่วมกันจากภาคส่วนต่าง ๆ ถือว่า “รวมหมู่เป็นเจ้าของ” และต้องก้าวอย่างต่อเนื่องโดยกระทรวงศึกษาธิการจะช่วยเสริมศักยภาพบุคลากร และใช้องค์ความรู้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน คือเสริมแรงด้วยความรู้
 
ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2561 – 2564 ทั้ง 2 กระทรวงจะบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยกรมควบคุมโรค  จะเป็นหน่วยงานศูนย์กลางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายยุติวัณโรคของประเทศไทย และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตบัณฑิต วิจัย พัฒนา ส่งเสริมและเป็นศูนย์กลางในการบริการทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิชาการชั้นสูงที่มีความร่วมมือเพื่อพัฒนาเครือข่ายห้องปฏิบัติการชันสูตร
 
ทั้งนี้ สาระสำคัญของบันทึกความร่วมมือ ประกอบด้วย 6 เรื่อง ได้แก่ 1.จัดทำฐานข้อมูลผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยา 2.ร่วมกันจัดอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานวัณโรค ทั้งในและต่างประเทศ 3.พัฒนาและจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางห้องปฏิบัติการวัณโรคในระดับนานาชาติ เช่นประเทศในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และอื่นๆ4.พัฒนาเครือข่ายการจัดบริการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย ดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยา รวมทั้งการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล 5.สนับสนุนการค้นหา วินิจฉัย และดูแลรักษาผู้ป่วยในชุมชน สู่การยุติปัญหาวัณโรค และ6.ร่วมมือทางการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม การป้องกัน ค้นหา วินิจฉัย รวมถึงดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยา
  ********************************* 10 พฤษภาคม 2561
 
 
 
 
 
 
*********************************


   
   


View 31    10/05/2561   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ