กระทรวงสาธารณสุข เปิดทศวรรษที่ 4 การสาธารณสุขมูลฐานไทย รับมือปัญหาโรคเรื้อรังในพื้นที่ เร่งพัฒนาศักยภาพ อสม. 400,000 คน ช่วยดูแลคลี่คลายทุกข์ให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนทั่วไทยซึ่งคาดมี 2 ล้านคนอย่างครบวงจร และเพิ่มการเฝ้าระวัง ลดปัญหาอุบัติเหตุจราจรในชุมชน เริ่มตั้งแต่เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นต้นไป บ่ายวันนี้ (17 มีนาคม 2551) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงข่าว วันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มีนาคมของทุกปี ว่า ประเทศไทยได้ใช้การสาธารณสุขมูลฐานในการพัฒนาสุขภาพประชาชน ตั้งแต่ปี 2521 และมีการสร้างกำลังคนภาคประชาชนคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ขึ้นมา ซึ่งตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา อสม.ไทยได้พิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นแล้วว่า เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานสาธารณสุขในพื้นที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นงานวางแผนครอบครัว แก้ปัญหาเด็กขาดสารอาหาร รวมถึงการเฝ้าระวังโรคติดต่ออุบัติใหม่ เช่น ไข้หวัดนก เป็นต้น นายชวรัตน์ กล่าวต่อว่า แม้ปัญหาสาธารณสุขหลายๆ เรื่องจะลดน้อยลงจากฝีมือของ อสม. แต่ก็มีปัญหาสุขภาพใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาสาธารณสุขระดับโลกและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น องค์การอนามัยโลกคาดว่าในปี 2558 ทั่วโลกจะมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17 และมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังถึง 41 ล้านคน จากการเสียชีวิตทั้งหมดประมาณ 64 ล้านคน ส่วนประเทศไทย จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา ในปี 2549 มีผู้ป่วยมารับการรักษาด้วยโรคความดันโลหิตสูง 850,037 ราย โรคเบาหวาน 643,522 ราย และโรคหัวใจขาดเลือด 90,057 ราย นอกจากนี้ ยังมีโรคติดต่อที่เป็นปัญหาในพื้นที่ เช่น ไข้หวัดนก ไข้เลือดออก เป็นต้น ในทศวรรษที่ 4 ของการสาธารณสุขมูลฐาน กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายที่จะพัฒนา อสม. ทั่วประเทศให้สามารถรับมือกับปัญหาสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปได้ โดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สำคัญได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมสุขภาพที่สำคัญคือ การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา กินอาหารไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย โดยจากการสำรวจทั่วประเทศมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชนต่างๆ ประมาณ 2 ล้านคน บางรายเป็นอัมพาตช่วยตัวเองไม่ได้ ดังนั้นจะอบรมเสริมสร้างศักยภาพอสม.ทั่วประเทศ ให้สามารถให้การช่วยเหลือฟื้นฟู คลี่คลายความทุกข์ให้ผู้ป่วย และเป็นแกนรณรงค์แก้ไข ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพชาวบ้านไม่ให้เกิดโรคหรือไม่ให้อาการกำเริบรุนแรง ซึ่งจะสามารถลดภาระของแพทย์ได้อีกทางหนึ่ง ด้านนายแพทย์ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขณะนี้มี อสม. ทั้งหมด 832,123 คน ในปีนี้ได้จัดทำแผนเสริมสร้างศักยภาพ อสม. ที่สำคัญ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการส่งเสริมบทบาท อสม. ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชน ซึ่งมีประมาณ 2 ล้านคน ทั้งการทำประวัติผู้ป่วย ให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ อาหาร การออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพเบื้องต้น สังเกตอาการ ความผิดปกติ และส่งต่อหากมีอาการรุนแรง ตั้งเป้าอบรมอสม.จำนวน 400,000 คน และ 2.โครงการ อสม.ร่วมใจสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป จะให้อสม.ร่วมรณรงค์ความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สำรวจจุดเสี่ยงและกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ การจำหน่ายสุราในสถานที่และเวลาที่ห้ามขายในชุมชน และประชาสัมพันธ์บริการการแพทย์ ฉุกเฉิน 1669 รวมทั้งให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยฉุกเฉิน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสิ่งสนับสนุนและเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ อสม. อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 ได้เพิ่มเรื่องการจัดทำบัตรประจำตัว อสม. ยกเว้นค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษสำหรับ อสม.ที่ปฏิบัติงานมาแล้ว 10 ปีขึ้นไป และอสม.ดีเด่นระดับจังหวัดขึ้นไป ยกระดับการศึกษาของอสม. โดยเทียบโอนผลการเรียนตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ให้ทุนศึกษาต่อด้านสาธารณสุขแก่อสม.และบุตร รวม 390 โควต้า และปีการศึกษา 2551 อีก 375 โควตา สำหรับวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติในปี 2551 นี้ มีอสม.ที่มีผลงานดีเด่นได้รับรางวัลทั้งหมด 850 คน ได้เพิ่มการคัดเลือกอสม.ดีเด่นระดับชาติด้านความมั่นคงในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นสาขาที่ 11 จากเดิมที่มี 10 สาขา โดยจะมีพิธีมอบรางวัลและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นเหรียญเงิน ที่อิมแพค เมืองทองธานี ในวันที่ 20 มีนาคม 2551 นี้ มีนาคม***********************17 มีนาคม 2551


   
   


View 8    17/03/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ