รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งกองประกอบโรคศิลปะ คุมเข้มมาตรฐานคลินิกและสถานพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ออกหนังสือเตือนผู้ประกอบการสถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาต ให้สอดส่องเข้มงวด โดยเฉพาะการแปลงเพศหรือตัดอัณฑะทิ้ง หากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ ถึงขั้นถอนใบอนุญาตหรือปิดสถานพยาบาล ด้านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพชี้ชายที่ตัดอัณฑะทิ้ง หากไม่มีกระบวนการรักษาจะมีลักษณะเหมือนขันที อายุจะสั้น และขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้การผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออกเพื่อความสวยงาม เกี่ยวกับที่มีข่าววัยรุ่นที่ต้องการเป็นหญิง แต่ไม่มีเงินผ่าตัดแปลงเพศ ได้เข้าทำการผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออกที่คลินิกศัลยกรรมตกแต่งต่างๆทั่วประเทศเช่นที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี เพื่อหวังความสวยงาม ไม่ให้มีขนขึ้น อกไม่ผายเหมือนชาย ผิวพรรณดีขึ้น ลูกกระเดือกไม่โผล่ เป็นที่นิยมในหมู่ชายรักชาย ซึ่งการผ่าตัดดังกล่าวมีราคาถูกประมาณ 4-5 พันบาทเท่านั้น เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ในวันนี้ (27 มีนาคม 2551 )นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เร่งตรวจสอบมาตรฐานของคลินิกและสถานพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ และทำหนังสือเตือนสถานพยาบาล ให้ผู้ประกอบการสถานพยาบาลสอดส่องอย่าให้มีการผ่าตัดลูกอันฑะหากฝ่าฝืนมีโทษปิดสถานพยาบาล เนื่องจากในการให้บริการผ่าตัดโดยตัดลูกอัณฑะออกทั้งหมด เป็นอันตรายและมีผลกระทบระยะยาว และแพทย์ที่ทำต้องคำนึงถึงจริยธรรมด้วย ทางด้านนายแพทย์ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การตัดอันฑะทิ้งทั้ง 2 ข้าง จะมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของผู้ที่ถูกผ่าตัดอย่างถาวร การผ่าตัดประเภทนี้ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนและต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจและร่างกาย โดยใช้จิตแพทย์และนักจิตวิทยา รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการรักษาให้ฮอร์โมนทดแทนอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าขั้นตอนการผ่าจะสั้นแต่มีผลกระทบระยะยาวโดยเฉพาะฮอร์โมนเพศซึ่งผลิตจากลูกอันฑะ หากไม่มีกระบวนการรักษาจะมีลักษณะเหมือนขันทีคือไม่มีความรู้สึกทางเพศแม้ว่าจะมีสภาพเป็นหญิงหรือชายก็ตาม และจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกระดูก สภาพร่างกาย อายุจะสั้น อารมณ์ จิตใจจะเปลี่ยนแปลง ยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมถ้าใช้ฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มขึ้น ขณะนี้ยังไม่ปรากฏข้อบ่งชี้ของการผ่าตัดเอาลูกอันฑะออกเพื่อความสวยงาม นายแพทย์ศุภชัย กล่าวต่อไปว่า กรมสนับสนุนบริการฯได้ประสานกับแพทยสภาและขอข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ทำผ่าตัดในลักษณะนี้ ซึ่งจริยธรรมทางการแพทย์ไม่สามารถทำได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองของผู้ที่จะทำผ่าตัดที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ แพทย์ที่ทำผ่าตัดจะมีโทษสูงสุดจะถูกยึดใบอนุญาต ส่วนเจ้าของสถานพยาบาลที่อนุญาตให้มีการผ่าตัดลักษณะนี้จะมีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรืออาจจะปิดสถานพยาบาลหากยังปล่อยให้บริการผ่าตัดลักษณะนี้อยู่ ขอเตือนชายที่ต้องการจะผ่าตัดแปลงเพศ จะต้องปรึกษาหารือผู้ปกครอง และขอให้ผู้ปกครองเข้าใจสภาพจิตใจของเด็ก เนื่องจากเป็นสิ่งสำคัญ และก่อนทำขอให้คิดให้รอบคอบ หารือข้อมูลกับหลายฝ่ายให้ครบถ้วน อย่าเชื่อแค่เพื่อนเพราะหากตัดไปแล้วจะคืนเหมือนเดิมไม่ได้ นายแพทย์ศุภชัย กล่าว ......................................... 27 มีนาคม 2551


   
   


View 6    27/03/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ