กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับภาคีเครือข่าย แนะสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยใช้แนวทางวิถีชีวิตใหม่ เน้นคัดกรองวัดไข้ อาบน้ำ เปลี่ยนชุด ก่อนเข้าเรียน จัดกิจกรรมกลุ่มย่อย 5 คนต่อครูพี่เลี้ยง 1 คน เว้นระยะห่างภายในกลุ่มและระหว่างกลุ่ม ครูและเด็กโตกว่า 2 ขวบสวมหน้ากากตลอดเวลา

      วันนี้ (3 สิงหาคม 2563) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าว“มาตรการการป้องกันโควิด 19 ในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียน” ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ เตรียมการตั้งแต่ก่อนเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย และจัดทำแนวปฏิบัติสำหรับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีมาตรการควบคุมหลักและมาตรการเสริม ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) เช่น การทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย สวมหน้ากากตลอดเวลา จัดจุดล้างมือ การเว้นระยะนั่ง ยืน ที่นอนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ลดกิจกรรมรวมกลุ่ม ลดจำนวนเด็กโดยแบ่งกลุ่มย่อย กลุ่มละไม่เกิน 5 คนต่อครูพี่เลี้ยง 1 คน มีการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากสถานที่ คัดกรองไข้เด็ก ผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยงก่อนเข้าอาคาร จัดระบบระบายอากาศ จัดระบบคิวขณะรับ-ส่งเด็กและเว้นระยะ 1-2 เมตร สำหรับครูพี่เลี้ยงต้องผ่านการฝึกอบรมด้านการป้องกันควบคุมโรค และให้เจ้าของกิจการลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์ม Thaistopcovid ประเมินความพร้อมตนเองก่อนเปิด ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 ผ่านเกณฑ์

        นายแพทย์อรรถพลกล่าวต่อว่า สำหรับวิถีชีวิตใหม่ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยของกรมอนามัย จะมี 2 ส่วนคือ ครอบครัวเด็ก เน้นการเว้นระยะห่างระหว่างครัวเรือน และเมื่ออยู่ในสถานพัฒนาเด็กฯ จะมีการวัดไข้ผู้ปกครองและเด็กก่อนเข้าสถานที่ เมื่อครูพี่เลี้ยงรับเด็กแล้วจะพาไปล้างมือ ล้างเท้า อาบน้ำ เปลี่ยนชุดและหน้ากากอนามัยใหม่ จัดกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มย่อย 5 คนต่อครูพี่เลี้ยง 1 คน เว้นระยะห่างขณะเด็กทำกิจกรรม 1 – 2 เมตร ครูและเด็กอายุมากกว่า 2 ปีสวมหน้ากากตลอดเวลา หากพบเด็กมีไข้จะแยกตัวและแจ้งให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้านทันที

        ด้านคุณรัชยา สุพโปฎก ผู้อำนวยการโรงเรียนไผทอุดมศึกษา กล่าวว่า โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการกำหนด  ทั้งการจัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้มีการเว้นระยะ เส้นทางเดินไม่สวนทางกัน จัดที่ล้างมือเพิ่ม ให้เด็กนำน้ำส่วนตัวมาจากบ้าน งดกิจกรรมรวมกลุ่ม งดใช้สนามเด็กเล่น/ ห้องสมุด เพื่อลดความเสี่ยงการสัมผัสสิ่งของร่วมกัน แบ่งรอบการรับประทานอาหารเพื่อลดแออัด กำหนดจุดยืนระหว่างรอรับอาหาร สำหรับเด็กอนุบาล เว้นระยะห่าง โดยกำหนดจุดนั่ง งดใช้โต๊ะ มุมหนังสือ เปลี่ยนผ้าคลุมที่นอนเป็นพลาสติกเพื่อให้ทำความสะอาดได้ทุกวัน งดใช้เครื่องเล่น และเว้นระยะขณะเข้าห้องน้ำ

         โดยเด็กเล็กจะให้สวมเสื้อคลุมมาจากบ้าน และถอดออกเมื่อเข้าโรงเรียน วัดไข้และบันทึกอุณหภูมิประจำวัน ล้างมือ ล้างเท้า พ่นแอลกอฮอล์ที่กระเป๋านักเรียน ลดจำนวนเด็กต่อห้อง นั่งเว้นระยะ 1.8 เมตร/ มีฉากกั้น แยกของใช้ส่วนตัวเด็ก ใช้สื่ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นรายบุคคล และมีถุงยังชีพโควิด 19 ใส่เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากสำรอง ช้อนส้อม กระติกน้ำ ผ้าเช็ดหน้ามาจากบ้าน ส่วนครูเมื่อมาถึงโรงเรียนจะล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า วัดไข้และบันทึกทุกคน รวมทั้งมีการสำรวจความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด 19 ด้วย นอกจากนี้ ได้ปรับระบบการสื่อสารชี้แจงแนวปฏิบัติต่าง ๆ ถึงผู้ปกครองผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อให้เด็กได้มาเรียนอย่างปลอดภัย ซึ่งโรงเรียนได้ผ่านการตรวจประเมินจากกระทรวงศึกษาธิการ เขตพื้นที่การศึกษา และกระทรวงสาธารณสุขแล้ว 2 ครั้ง

*********************************** 3 สิงหาคม 2563



   
   


View 1241    03/08/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ