รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วิดีโอทางไกลพบปะ อสม.ภาคใต้ ที่ จ.พัทลุง เผยข่าวดี ครม.เห็นชอบค่าตอบแทน อสม.เพิ่มอีก 3 เดือน จัดซื้อเครื่องฉายรังสี 7 เครื่องประจำทุกภาคทั่วประเทศ และค่าเสี่ยงภัยแพทย์ พยาบาล อีก 200 กว่าล้านบาท เดินหน้าเพิ่มศักยภาพ อสม.ปั้นเป็นหมอประจำบ้าน  1 ตุลาคมนี้ ฝากรณรงค์สวมหน้ากากสกัดโรคโควิด 19 และโรคทางเดินหายใจ

          วันนี้ (22 กันยายน 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พบปะกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม.ภาคใต้ที่จังหวัดพัทลุง   ผ่านระบบประชุมทางไกลวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

          นายอนุทิน กล่าวว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มาพบปะกับ อสม.เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา โดยทำพิธีโอนเงินค่าตอบแทน อสม.ในฐานะเป็นด่านหน้าของระบบสาธารณสุขสู้โรคโควิด 19 จำนวน 500 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ตั้งแต่มีนาคม-กันยายน 2563 รวม 3,500 บาทนั้น นายกฯ รู้สึกประทับใจมาก หลังเดินทางกลับยังส่งภาพสวมชุด อสม.มาหาตนผ่านทางไลน์ด้วย ล่าสุดการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 22 กันยายน 2563 ได้มีมติอนุมัติเพิ่มค่าตอบแทนให้กับ อสม.อีก 3 เดือน คือ ตุลาคม-ธันวาคม  อีกเดือนละ 500 บาท รวมทั้งหมดเป็น 10 เดือน ต้องขอแสดงความยินดีกับ อสม.ทุกคนด้วย

           "สิ่งนี้เป็นผลจากการทำงาน รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความเสียสละ ความทุ่มเท ความขยันขันแข็งของ อสม. ทั่วประเทศ ถือว่านายกฯ รักษาสัญญากับ อสม.อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หลังได้ค่าตอบแทนแล้ว ขอให้ อสม.ขยันมากขึ้น เนื่องจากเป็นงบประมาณของประเทศ แต่ถือเป็นสิ่งตอบแทนค่าป่วยการที่ อสม.ได้เสียสละความสุขส่วนตัว ซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ไปดูแลประชาชน และมีผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับมือโรคโควิด 19 เป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยพลังของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม.ทุกคน เนื่องจากเราทำงานกันเป็นทีม และไม่ใช่รับมือกับโรคโควิด 19 เท่านั้น ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ทุกเรื่อง" นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายคนไทย 1 คนมีหมอประจำตัว 3 คน เพื่อลดความแออัดสถานพยาบาล ลดเวลารอคอย ลดค่าใช้จ่ายจากการรักษา ซึ่งจะขับเคลื่อนตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดย อสม.ถือเป็นหมอประจำบ้านคนแรก ขอให้ อสม.มีความตื่นตัว โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะดำเนินการสร้างเสริมทักษะประสบการณ์ให้ อสม.ทุกคนมีความรู้ ความชำนาญในการดูแลสุขภาพประชาชน เป็นมิตรแท้ใกล้ตัวใกล้ใจคนไทยทุกคน อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ขอฝากให้ อสม.ช่วยรณรงค์ประชาชนให้สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ซึ่งช่วยป้องกันทั้งโรคโควิด 19 และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ไม่ให้แพร่เชื้อ ถือว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าวัคซีน ช่วยลดความเจ็บป่วยและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลลง ประชาชนไปเสริมสร้างรายได้ตัวเองและครอบครัวได้มากขึ้น

            นายอนุทินกล่าวว่า นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจัดซื้อเครื่องฉายรังสีเพื่อเพิ่มศักยภาพการรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายแสงขั้นสูงทดแทนการผ่าตัด จำนวน 7 เครื่อง ซึ่งจะไปประจำครบทุกภาคของประเทศ ได้แก่ โรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก  โรงพยาบาลสุรินทร์  โรงพยาบาลร้อยเอ็ด  โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช  โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ทำให้ผู้ป่วยได้รักษาในพื้นที่ ใช้เวลารักษาและพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัด รวมถึงเห็นชอบการอนุมัติจ่ายค่าตอบแทนเสี่ยงภัยให้แก่แพทย์และพยาบาลที่ยังค้างอยู่อีกจำนวน 200 กว่าล้านบาทด้วย

****************************** 22 กันยายน 2563



   
   


View 4012    22/09/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ