รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ประจำวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563

          สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ และสถานกักตัวที่รัฐกำหนด มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 10 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,707 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.89 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 99 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.56 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,866 ราย

          โดยรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ ได้แก่

          ชาวไทย 3 ราย เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ 1 ราย, สหราชอาณาจักร 2 ราย ทั้งหมดเข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) โดย 2 รายตรวจพบเชื้อ ไม่แสดงอาการ และอีก 1 ราย มีอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ เข้ารับรักษาในโรงพยาบาลตามระบบ

          ชาวต่างชาติ 2 ราย เดินทางมาจากประเทศอิตาลี 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 ราย เข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) ทั้งหมดตรวจพบเชื้อ ไม่แสดงอาการ เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน โดยค่าใช้จ่ายคิดจากประกันโควิด19 ที่ผู้เข้ารับการกักตัวทำไว้ก่อนเดินทางเข้าประเทศ

          นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกชื่นชมบทบาทการเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ที่มีการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว และชื่นชม  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุข ที่ให้การสนับสนุนข้อริเริ่มขององค์การอนามัยโลกในการสร้างคลังเก็บรักษาทรัพยากรชีวภาพ เพื่อส่งเสริมการแบ่งปันตัวอย่างเชื้อ สำหรับใช้ในการพัฒนายา และวัคซีน ให้เป็นประโยชน์สาธารณะ พร้อมยกให้ประเทศไทยเป็นต้นแบบของการประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด 19 แม้จะยังไม่มีวัคซีน ซึ่งมีเครือข่าย อสม. ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาดูสอดส่องเฝ้าระวังในระดับท้องถิ่น ทำให้ประเทศไทยสามารถควบคุมโรคได้ดี

          นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด 19 ทั่วโลกวันนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 656,150 ราย มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 53 ล้านราย ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกได้เร่งคิดค้นพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ซึ่งถือว่ารุดหน้า สร้างความหวังให้กับประชาชนทั่วโลกเป็นอย่างมาก สำหรับประเทศไทยได้เร่งรัดการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ทั้งการการจองล่วงหน้าผ่าน COVAX Facility และการตกลงแบบทวิภาคี, การเจรจาความร่วมมือรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด 19 และการพัฒนาวัคซีนเองในประเทศ เพื่อให้เป็นประเทศอันดับต้นของโลกที่ได้รับวัคซีนมาฉีดให้กับคนในประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะที่อยู่ระหว่างการรอการได้มาซึ่งวัคซีน ขอให้ทุกคนป้องกันตัวเองตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขได้แนะนำไว้ตั้งแต่ต้น ได้แก่ การสวมหน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ซึ่งถือเป็นวัคซีนธรรมชาติที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สามารถป้องกันการแพร่ สัมผัสเชื้อโควิด 19 และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2563 มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 116,052 ราย เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 มีผู้ป่วย 343,529 ราย ซึ่งเท่ากับลดลงถึง 2 ใน 3 ของผู้ป่วยปีที่ผ่านมา

         สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่และโควิด 19 มีการแสดงอาการป่วยที่ใกล้เคียงกัน ในช่วงที่สถานการณ์โควิด 19 ยังไม่เป็นที่น่าวางใจ แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคที่เข้มแข็ง แต่อาจพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้ ขอให้ทุกคนสังเกตอาการป่วยของตนเองตนเองหากพบว่ามีอาการ ไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

 *************************************  14 พฤศจิกายน 2563



   
   


View 2129    14/11/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ