โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผยนายกรัฐมนตรีได้รับเชิญแถลงพิธีปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 73 ขณะที่ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ชื่นชมไทยควบคุมโควิด 19 ได้ดี แม้ไม่มีวัคซีน ขอทุกประเทศทำตามแบบอย่าง และขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยที่สนับสนุนการสร้างคลังเก็บรักษาทรัพยากรชีวภาพ

          วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2563) แพทย์หญิงพรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับเชิญให้กล่าวถ้อยคำแถลงในพิธีปิดการประชุมสมัชชาอนามัยโลกสมัยที่ 73 ซึ่งเป็นการจัดประชุมในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual) ผ่านทางระบบออนไลน์ มีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน จากประเทศสมาชิก 194 ประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่สนับสนุนประเทศสมาชิกในการตอบโต้โรคโควิด 19 และให้ทุกคนเข้าถึงการตรวจวินิจฉัย ยารักษา และวัคซีนโรคโควิด 19 ผ่านข้อริเริ่ม ACT-Accelerator และกลไก COVAX พร้อมชี้ให้เห็นว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพ และเป้าหมาย Triple-billion targets ขององค์การอนามัยโลก คือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) การเตรียมความพร้อม ป้องกันและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพ และการสร้างเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี

         แพทย์หญิงพรรณประภากล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความร่วมมือกับสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยในการทบทวนการดำเนินงานตอบโต้โรคโควิด 19 เพื่อถอดบทเรียนและปรับปรุงการดำเนินงานของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ไทยประสบความสำเร็จ คือ การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของผู้นำโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ ความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขไทยที่มีการลงทุนมานานกว่า 40 ปี และความร่วมมือจากประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคม นอกจากนี้ ยังได้ส่งกำลังใจไปยังทุกประเทศทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับโรคโควิด 19 และย้ำว่าไทยพร้อมสนับสนุนประชาคมโลกในการตอบโต้โรคระบาด โดยเฉพาะการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสาธารณสุข และการส่งเสริมให้ยาและวัคซีนโรคโควิด 19 เป็นสินค้าสาธารณะ

          แพทย์หญิงพรรณประภากล่าวต่อว่า ภายหลังที่นายกรัฐมนตรีกล่าวจบ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยที่สนับสนุนการทำงานขององค์การอนามัยโลก โดยระบุว่าไทยเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่รัฐบาลและสังคมทำงานร่วมกัน ทำให้ยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ แม้ยังไม่มีวัคซีน พิสูจน์จากตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยว่า แม้ไทยจะเป็นประเทศแรกที่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 นอกประเทศจีน แต่ปัจจุบันไทยมีผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 4,000 ราย มีผู้เสียชีวิตเพียง 60 ราย โดยที่มีประชากร 70 ล้านคน และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเมืองใหญ่และมีประชากรในชุมชนเมืองหนาแน่นมากที่สุดในโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ไทยทุ่มเทให้กับการลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข มีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขมากกว่า 1 ล้านคน คอยดูแลสอดส่องระบบสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น และมีบทเรียนการรับมือโรคระบาดในอดีต โดยเฉพาะโรคซาร์สเมื่อปี 2546

         "ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ยังเรียกร้องให้ทุกประเทศทำตามแบบอย่างประเทศไทย เพราะไม่มีประเทศไหนที่สามารถพูดได้ว่า เตรียมพร้อมรับมือต่อการระบาดของโรคโควิด 19 ได้ดีแล้วหรือไม่มีบทเรียนให้เรียนรู้ได้อีก นอกจากนี้ ยังขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย  ที่สนับสนุนข้อริเริ่มขององค์การอนามัยโลกในการสร้างคลังเก็บรักษาทรัพยากรชีวภาพ ที่สมาพันธรัฐสวิส เพื่อส่งเสริมการแบ่งปันตัวอย่างเชื้อ สำหรับพัฒนายาและวัคซีนให้เป็นสินค้าสาธารณะ" แพทย์หญิงพรรณประภากล่าว

  *************************************  14 พฤศจิกายน 2563



   
   


View 2866    14/11/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ