รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563

        สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ 7 ราย เข้ากักตัวในสถานที่รัฐกำหนด 2 ราย และโรงพยาบาลทางเลือก 2 ราย มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 ราย ทำให้ผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,800 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.76 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 117 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.94 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,977 ราย

สำหรับรายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้

          ชาวไทย 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย, ลิเบีย 2 ราย, โมซัมบิก 1 ราย, อิตาลี 1 ราย, และเกาหลีใต้ 2 ราย, ทุกรายเข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ไม่มีอาการ และส่งต่อรักษาในโรงพยาบาลตามระบบ

          ชาวต่างชาติ 4 ราย เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศส, ปากีสถาน, โอมาน และคูเวต (รายสุดท้ายเคยมีประวัติติดเชื้อโควิด 19)  เข้ารับการกักตัวในสถานที่รัฐกำหนด (Alternative State Quarantine) 2 ราย และโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) 2 ราย ผลพบเชื้อ ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนตามระบบ

          นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวานนี้ (28 พฤศจิกายน 2563) ทีมสอบสวนโรค ได้ทำการติดตามผู้สัมผัสและตรวจหาเชื้อ โดยทำการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงไปแล้ว 65 ราย ผลไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วัน ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเน้นย้ำผู้สัมผัสทุกรายให้สังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำ และแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานให้ทางโควิดหมู่บ้านดูแลและประเมินจนกว่าจะครบ 14 วัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก คอนโดและประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบบุคคลแปลกหน้าหรือพบผู้เดินทางที่ไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการภาครัฐ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกัน สอบสวนโรค หากพบผู้ติดเชื้อจะสามารถนำส่งรักษาตามระบบได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้มีการนำเชื้อมาแพร่สู่คนในประเทศ
เป็นวงกว้าง

      ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้ประชาชนคงยึดหลัก DMHT โดย D : Distancing เว้นระยะห่าง M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ  H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และ T : Rapid Testing การตรวจเร็ว รักษาเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว และปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเกราะป้องกันโควิด 19 แก่ตนเองและคนรอบข้าง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัดและลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ ด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ ทุกครั้งที่ใช้บริการสถานที่/ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ หากมีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจและมีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที

*************************************  29 พฤศจิกายน 2563

 

 

***********************************



   
   


View 1574    29/11/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ