วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563 เวลา 15.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จไปยังห้องประชุมชัยนาทนเรนทร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ทรงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด “ทูบีนัมเบอร์วัน” ประจำปี 2564 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เฝ้ารับเสด็จ

          ในการนี้พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่คณะกรรมการอำนวยการโครงการ ฯ และคณะอนุกรรมการบูรณาการโครงการ ฯ ที่ได้รับตำแหน่งใหม่ และทรงติดตามผลการดำเนินงานโครงการทูบีนัมเบอร์วัน ปี 2563 แผนการดำเนินงานปี 2564 โดยกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานครและกรมประชาสัมพันธ์ ได้บูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการฯ ซึ่งในปี 2563 ครบรอบ 18 ปี โครงการ TO BE NUMBER ONE กระทรวงสาธารณสุข กรมสุขภาพจิต ได้รวบรวมและเผยแพร่ “เรื่องดีดี 18 ปี TO BE NUMBER ONE” จากผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติงาน สมาชิก TO BE NUMBER ONE และประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่สมาชิกและเครือข่ายทั่วประเทศ และจัดงานมหกรรมเฉลิมฉลองเพื่อเทิดพระเกียรติและระลึกถึงพระกรุณาธิคุณขององค์ประธานโครงการฯ ที่ทรงมีต่อเยาวชนไทย มุ่งเน้นกิจกรรมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ฝึกทักษะ การดำเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ โดยมีสมาชิกจากทั่วประเทศเข้าร่วมมากกว่า 15,000 คน

          สำหรับผลสำเร็จของโครงการฯ ในปีที่ผ่านมา มีการรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนและประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ ปลุกกระแสการต่อต้านยาเสพติด ผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และองค์ประธานโครงการได้ทรงให้เพิ่มช่องทางติดต่อผ่านสื่อโซเซียลมีเดียทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ “TO BE NUMBER ONE CHANNEL” เพื่อให้สมาชิกและประชาชนเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งเป็นช่องทางพระราชทานคำปรึกษาปัญหาแก่สมาชิก แนวทางการแก้ไขและขวัญกำลังใจจากองค์ประธานโดยตรง ปัจจุบันมีสมาชิก TO BE NUMBER ONE และสมาชิกใครติดยายกมือขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 29,492,936 คน และในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 แพร่ระบาด โครงการฯ ได้ปรับรูปแบบการให้ความรู้ต่างๆ โดยผลิตสื่อสิ่งพิมพ์เผยแพร่ให้กับแกนนำและสมาชิกนำไปศึกษาด้วยตนเองที่บ้าน อาทิ คู่มือการดำเนินงาน คู่มือการจัดกิจกรรม และองค์ความรู้ต่างๆ สำหรับวัยรุ่นและเยาวชนเพิ่มเติม มีการจัดตั้งอำเภอ TO BE NUMBER ONE 622 อำเภอ คิดเป็นร้อยละ 70.8 ของอำเภอทั่วประเทศ, ขยายเครือข่ายชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา ชุมชน สถานประกอบการ สถานพินิจฯ เรือนจำ/ทัณฑสถาน และสำนักงานคุมประพฤติ 73,321 แห่ง, ให้บริการศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ตามแนวคิด “ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ” 10,735 แห่ง รวมทั้งจัดกิจกรรมการประกวดต่างๆ เพื่อให้เยาวชนได้แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ สร้างความสามัคคี มุ่งมั่น ทุ่มเท ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เกิดความภาคภูมิใจ มองเห็นคุณค่าของตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพายาเสพติด รวมทั้งทรงห่วงใยสมาชิกและครอบครัว ได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่สมาชิก จำนวน 4 ทุน ปีการศึกษาละ 72,000 บาท ต่อเนื่องจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี

          ทั้งนี้ ในปี 2564 มีแผนการดำเนินงานในเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลโครงการ TO BE NUMBER ONE และทดลองใช้ในทุกจังหวัด เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะประกอบด้วย ฐานข้อมูลชมรมและศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE, ข้อมูลสมาชิกชมรมและสมาชิกทั่วไป และข้อมูลสมาชิกใครติดยายกมือขึ้น พร้อมสนับสนุนการจัดตั้งอำเภอ TO BE NUMBER ONE ขยายให้ครบทุกอำเภอทั่วประเทศ

**************************************** 1 ธันวาคม 2563



   
   


View 1430    01/12/2563   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ