กระทรวงสาธารณสุขเผย การรอเตียงโควิด 19 โดยเฉพาะสีเหลืองและสีแดง ในกทม. ลดลงผลจากการนำเข้าระบบ HI / CI  ล่าสุด 3 หน่วยงานประเมินคุณภาพมาตรฐานการดูแล HI นำร่องในโรงพยาบาลราชวิถี เลิดสิน และ นพรัตนราชธานี

          วันนี้ (26 สิงหาคม 2564 ) ที่ ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าวว่า สถานการณ์โควิด 19 ภาพรวมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ที่ติดเชื้อหายป่วยมากกว่าผู้ป่วยรายใหม่ อัตราการครองเตียงในต่างจังหวัดยังตึงตัวอยู่บ้าง แต่มีการขยายเตียงไปยังโรงพยาบาลชุมชนจึงพบปัญหาไม่มาก ส่วนใน กทม. เตียงรองรับผู้ป่วยยังไม่เพียงพอ จึงได้ปรับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อด้วยระบบ Home Isolation : HI ข้อมูลจาก สปสช. ถึงวันที่ 25 สิงหาคม 2564 มีผู้ป่วยที่เข้าระบบ HI ในกทม.สะสม 87,023 คน โดยมีสถานพยาบาลทุกสังกัด และคลินิกชุมชนอบอุ่นและคลินิกอื่นๆ ร่วมดูแล สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ใน กทม. ที่มีประมาณ 4,000 คน ต่อวันนั้น จะเข้าระบบ HI ประมาณ 1,000 คนต่อวัน กลุ่มที่ไม่สามารถมารถทำ HI ได้ จะมีการดูแลแบบ Community Isolation : CI  แยกกักที่ชุมชน/ศูนย์พักคอยในกทม. มีจำนวน 64 แห่ง 8,694 เตียง รองรับผู้ป่วย 200-300 คนต่อวัน ขณะนี้อยู่ในระบบ 3,410 คน สะสม 15,749 คน ผลจากการนำผู้ป่วยเข้าระบบ HI และ CI ทำให้โรงพยาบาลมีเตียงรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลืองและสีแดงมากขึ้น ระยะเวลารอเตียงไม่เกิน 24 ชั่วโมง

          นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรฐานการดูแล HI กรมการแพทย์ จะร่วมกับ สปสช. และสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) ทำการประเมินคุณภาพทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ นำร่องใน 3 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี  เลิดสิน และ นพรัตนราชธานี และจะประเมินให้ครบทุกเครือข่ายต่อไป

           นอกจากนี้ ในผู้ติดเชื้อกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการทางกาย ทางจิต หรือเด็ก ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนจัดการดูแลโดยเฉพาะ เช่น โรงพยาบาลศรีธัญญา โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ดูแลผู้มีปัญหาทางจิตเวช โรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ ดูแลกลุ่มคนพิการ และสถาบันราชานุกูล ดูแลเด็กพิเศษและครอบครัว รวมถึงมีระบบ HI ของสถาบันสิรินธรเพื่อคนพิการ CI ของโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงพยาบาลสนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ และ CI สำหรับเด็กอายุ 7-15 ปี ที่ ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เกียกกาย โดย สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชินี ร่วมกับเขตดุสิต เป็นพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่จะช่วยดูแลผู้ติดเชื้อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยกัน

          ทั้งนี้ ผู้ที่จะเข้าระบบ HI ได้นั้น ต้องปฏิบัติตามแนวทาง 7 แยก คือ แยกนอนในห้องหรือนอนห่างจากผู้อื่น  แยกกินอาหารคนเดียว แยกอยู่ในพื้นที่เฉพาะ แยกใช้ของใช้ส่วนตัว แยกทิ้งขยะ แยกห้องน้ำหรือใช้ห้องน้ำเป็นคนสุดท้าย และ แยกอากาศคือสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดย สปสช.จะจัดส่งชุดมาตรฐาน (Standard Set) ประกอบด้วย ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด หน้ากากอนามัย ถุงขยะสีแดง และอาหาร 3 มื้อถึงบ้านส่วนยาที่จ่ายให้ขึ้นอยู่กับอาการ มีการติดตามอาการด้วยระบบเทเลเมดิซีน 2 ครั้งต่อวัน

******************************* 26 สิงหาคม 2564



   
   


View 877    26/08/2564   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ