กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จับมือ กรุงเทพมหานคร ควบคุมกิจการส่งคนไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้านในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ พ.ศ. 2564 เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุ

          วานนี้ (30 มกราคม 2566) นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยในการเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการ พ.ศ. 2564 ในเขตกรุงเทพมหานคร ณ โรงแรมทีเค พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ว่า การก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aging Society) ของประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี 2548 ตามคำนิยามขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่กำหนดสัดส่วนของประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ ซึ่งจากการคาดการณ์ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2562) ระบุในปี 2566 จะมีผู้สูงอายุสูงถึงร้อยละ 20.66 ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ และคาดว่าในปี 2578 จะมีประชากรผู้สูงอายุสูงถึงร้อยละ 28.55 นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว และอยู่กับผู้สูงอายุด้วยกันลำพังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ชี้ให้เห็นถึงความต้องการบริการด้านการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านและในชุมชนเพิ่มมากขึ้น

          นายแพทย์เอกชัย กล่าวต่อไปว่า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ได้เผยแพร่รายงานธุรกิจดูแลผู้สูงอายุไทย พบว่า แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุ สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย เนื่องจากสมาชิกในครอบครัวส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้าน ทำให้ไม่สามารถดูแลผู้สูงอายุได้ด้วยตนเอง ดังนั้น หลายครอบครัวจึงเลือกใช้บริการการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจบริการส่งผู้ดูแลไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน(Home care) ซึ่งจากข้อมูลสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทยพบว่า กิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน มีจำนวน 91 แห่ง กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย มีบทบาทและภารกิจหลักในการดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุและอนามัยสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้สูงอายุในทุกระดับ และเข้าถึงระบบบริการที่มีมาตรฐานถูกต้องตามหลักกฎหมาย จึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรการควบคุมกำกับดูแลการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของผู้รับบริการพ.ศ.2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่12 เมษายน2565 ที่ผ่านมา โดยใช้บังคับกับสถานประกอบกิจการประเภทที่ราชการส่วนท้องถิ่นได้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นควบคุมไว้แล้ว ตามมาตรา32 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมเพื่อ 1)ควบคุมมาตรฐานของผู้ดำเนินกิจการและผู้ให้บริการ 2) คุ้มครองผู้รับบริการที่เป็นผู้สูงอายุให้ผู้สูงอายุได้รับการปกป้องคุ้มครองตามกฎหมายมีมาตรการป้องกันอันตรายต่อสุขภาพของผู้สูงอายุได้รับผลกระทบทางสุขภาพและมีความปลอดภัยจากการรับบริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน 3) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหลักเกณฑ์ มาตรการในการควบคุมกำกับดูแลและติดตามการประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านในเขตพื้นที่รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของสถานประกอบกิจการให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกัน ให้การดำเนินงานครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่ม คือ 1) ผู้ดำเนินกิจการ
2) ผู้ให้บริการ 3) ผู้รับบริการหรือผู้สูงอายุ และ 4) ราชการส่วนท้องถิ่น

          “สำหรับกรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษ การบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุม กำกับ ดูแลกิจการในเขตพื้นที่ให้ปฏิบัติถูกต้องต้องอาศัยความร่วมมือของหลายภาคส่วน ซึ่งการประชุมฯ ในวันนี้ เพื่อชี้แจงและสนับสนุนการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ รวมทั้งรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะและวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งจากผู้บริหาร ผู้รับผิดชอบงานผู้สูงอายุจากกระทรวงสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร สถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง สมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การประกอบกิจการให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเป็นไปตามมาตรฐาน” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

***

กรมอนามัย / 31  มกราคม 2566



   
   


View 639    31/01/2566   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ