กระทรวงสาธารณสุขเตือนสาวโคโยตี้ มีโอกาสหูตึง เพราะลำโพงกระหึ่ม คาดดังเกินมาตรฐาน 90 เดซิเบล เพราะอยู่กลางแจ้ง ซึ่งจะมีผลกระทบคนดูที่อยู่ใกล้ด้วย อาจเพิ่มการควบคุมความดังเสียงเพลงโคโยตี้ในที่โล่งด้วย นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเต้นของสาวโคโยตี้ว่า สาวโคโยตี้จัดเป็นผู้ประกอบอาชีพในแหล่งบันเทิงประเภทหนึ่ง โดยในการเต้นดังกล่าว มีการใช้เสียงเพลงประกอบ ซึ่งจะต้องใช้ความดังกระหึ่ม มักจะใช้เรียกคนดูสินค้าต่างๆ ทั้งในที่โล่งแจ้ง และตามแหล่งบันเทิง จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อมลพิษทางเสียง หากอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเกินมาตรฐานต่อเนื่อง อาจทำให้กลายเป็นคนหูตึงได้ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้รณรงค์ลดความดังเสียงในสถานบันเทิงไม่ให้เกินค่ามาตรฐานไม่เกิน 90 เดซิเบล ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อคุ้มครองสุขภาพของของผู้ที่เข้าไปใช้บริการและกลุ่มคนทำงานในแหล่งบันเทิง เนื่องจากจะทำให้ประสาทหูเสื่อม เสี่ยงเป็นคนหูตึงและหูหนวกได้ในภายหลัง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขอาจจะศึกษาผลกระทบทางเสียงและขยายการควบคุมเสียงในที่โล่งแจ้งด้วย ทางด้านนายแพทย์กำจัด รามกุล ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีหนุ่ม-สาวโคโยตี้ที่ทำงานในแหล่งบันเทิงทุกประเภท หรือทำงานนอกสถานที่แต่อยู่ใกล้ลำโพง เป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสเสี่ยงทำให้หูตึงได้ เนื่องจากต้องอยู่กับเสียงเพลงและเต้นเป็นเวลานาน วิธีแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้มีผลเสียต่อประสาทหูและร่างกาย ควรเลี่ยงใกล้เสียงดังใกล้ลำโพงเป็นเวลานานไม่เกิน 1 ชั่วโมงในระดับความ ดังเสียงไม่เกิน 110 เดซิเบล หรือถ้าจำเป็นโดยหน้าที่ต้องเต้นก็ควรเต้นแต่ไม่ให้เกินเวลา ครึ่งถึง 1 ชั่วโมง แล้วออกไปพักหูจากนั้นจึงกลับมาทำงานอีกครั้ง หรือให้ใส่ฟองน้ำอุดหู (Ear Plug) ทั้ง 2 ข้าง ก็สามารถลดระดับของเสียงได้ประมาณ 10 เดชิเบล ส่วนโคโยตี้ที่ทำงานนอกสถานที่ เช่น เต้นเพื่อโชว์สินค้าในห้างสรรพสินค้า ริมฟุตบาท หรืองานวัดทั่วไป ก็ไม่ควรอยู่ใกล้ลำโพง เนื่องจากลำโพงมีขนาดใหญ่และเสียงดังกระหึ่ม ที่สำคัญต้องเปิดเสียงดังเพราะอยู่ในพื้นที่ ที่กว้าง ลำโพงจะมีความดังเกิน 110 เดซิเบล ฉะนั้นจึงไม่ควรทำงานอยู่ใกล้มากเกินไป ************************************ 3 พฤศจิกายน 2549


   
   


View 8    03/11/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ