กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนาพืชสมุนไพร และพืชเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

วันนี้ (24 กรกฎาคม 2566)  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยเรื่อง “การพัฒนาพืชสมุนไพร และพืชเสพติด เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์” ระหว่างนายแพทย์ศุภกิจ  ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  พร้อมด้วยนายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนางศิริวรรณ ชัยสมบูรณ์พันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ลงนามกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พลังพล คงเสรี คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชีรา วิบูลย์จันทร์  หัวหน้าภาควิชาพฤกษศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิวิมล  แสวงผล อาจารย์ประจำภาควิชาพฤกษศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ณ ห้องประชุม อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวว่า  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีบทบาทหน้าที่หลักเกี่ยวกับการวิจัยและการตรวจชันสูตรด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมีการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของประเทศ ทั้งด้านสมุนไพรและพืชเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ดำเนินการอย่างครบวงจร เช่น การปลูกและอนุรักษ์พันธุ์พืชสมุนไพร  การจัดจำแนกพันธุ์พืช การศึกษาวิจัยระยะพรีคลินิก และการศึกษาวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร นอกจากนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทยรวม 15 ศูนย์ ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่มีความหลากหลายในแต่ละพื้นที่ และได้ขึ้นทะเบียนพันธุ์พืชสมุนไพรกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืชที่มีคุณค่าทางด้านการแพทย์ และเศรษฐกิจอีกด้วย

“ในการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ เล็งเห็นความสำคัญของพืชสมุนไพรและพืชเสพติด ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ และสามารถนำไปพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตได้ ซึ่งพืชที่ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และทางมหาวิทยาลัยมหิดลจะร่วมพัฒนาในการศึกษาวิจัย อาทิ พริกไทย และกระวาน  พืชสมุนไพรมีแนวแนวโน้มความต้องการของตลาดโลกเพิ่มมากยิ่งขึ้น และรวมถึงเป็นองค์ประกอบในการทำยารักษาโรคของยาตำรับแผนไทยหลายขนาด นอกจากนี้จะร่วมศึกษาวิจัยสมุนไพรในการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสุขภาพของผู้บริโภคและผู้ป่วย โดยเฉพาะการรักษาทั้งโรคที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ เช่น ในโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน และนำไปสู่การศึกษา การพัฒนาพืชสมุนไพรให้ได้มาซึ่งสารสำคัญเพื่อนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรค เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และการพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศที่ยั่งยืนต่อไป” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว



   
   


View 421    24/07/2566   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ