รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แก้ปัญหาแพทย์ขาดขวัญกำลังใจทำงานจากการถูกฟ้องร้อง ให้หน่วยงานรัฐรับผิดชอบตั้งทนาย เพราะถือเป็นการปฏิบัติงานในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ มอบนโยบายปี 52 เดินหน้าการห้ามขายเหล้าในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันสำคัญทางศาสนา ยกเว้นปีใหม่ เตรียมพัฒนาศูนย์กลางการแพทย์ผสมผสานแผนปัจจุบันและแผนไทย รองรับต่างชาติ บ่ายวันนี้ (27 ตุลาคม 2551) ที่ห้องประชุมสโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมรับฟังความคิดเห็นทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานของกลุ่มนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด กลุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป กลุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุนชน และกลุ่มสาธารณสุขอำเภอทั่วประเทศ รวมกว่า 1,400 คน เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและความต้องการพื้นที่ นำนโยบายและแนวทางดำเนินงานไปสู่การปฏิบัติในปี 2552 อย่างมีประสิทธิภาพ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าวว่า การมาอยู่กระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ ประทับใจที่สุด เพราะทำงานกับคนเก่ง มีการทำงานอย่างเป็นระบบ แต่อยากฟังความเห็นว่าผู้บริหารสาธารณสุขทุกระดับอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร เพราะการบริหารประเทศจะต้องมีนโยบายที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก อยากเห็นระบบการจัดทำงบประมาณที่เสนอจากจังหวัดขึ้นมาตามสภาพปัญหาพื้นที่ ส่วนที่ขาดก็จะของบเติมเต็มให้ เพื่อให้นโยบายรัฐบาลบรรลุผลเป็นรูปธรรม ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติร่มเย็น ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 โดยให้แพทย์ทุกระดับมีส่วนร่วมเสนอความคิดเห็นในการทำงาน และเน้นการทำงานเชิงรุก ให้ทุกจังหวัดกระตุ้นคนเมืองและชนบทออกกำลังกายให้มากขึ้น ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่ตั้งใจจะทำก็คือ เรื่องบุคลากร ที่มีปัญหาทั้งการขาดแคลน ขาดความก้าวหน้า ขาดขวัญกำลังใจ โดยเฉพาะหากแพทย์ถูกฟ้อง หน่วยงานรัฐต้องรับผิดชอบแทนผู้เสียหาย กระทรวงสาธารณสุขจะตั้งทนายให้ เนื่องจากแพทย์คือเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ ผู้บริหารต้องคิดแก้ไข ไม่ปล่อยให้แพทย์มีความทุกข์คนเดียว จะหารือกับ ก.พ. เพิ่มซี หรือตำแหน่งเจ้าหน้าที่สู่สิ่งที่ดีกว่า และใช้หลักคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ยึดตามหลักอาวุโสและความสามารถควบคู่กัน ให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างมีความสุข จะเร่งพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ยาและเวชภัณฑ์ รองรับภัยพิบัติ ภัยฉุกเฉินต่างๆ พัฒนาระบบผลิตยาขององค์การเภสัชกรรมให้เป็นศูนย์กลางของอาเซียน คงนโยบายซีแอลยาไว้เช่นเดิม และพัฒนาโรงพยาบาล 3 แห่ง ให้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย ผสมผสานระหว่างแผนปัจจุบันกับแผนไทย ให้ต่างประเทศมาใช้บริการ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง ได้แก่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ จ.ปราจีนบุรี รพ.ระนอง และรพ.นพรัตนราชธานี กทม. และเร่งพัฒนางานสาธารณสุขตามแนวทางพระราชดำริ ซึ่งขณะนี้ทำดีอยู่แล้ว ร.ต.อ.ดร.เฉลิม กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องเหล้าที่จะทำในระยะเร่งด่วน ทั้งการห้ามขายและการห้ามโฆษณา จะยังเดินหน้า เริ่มในวันสงกรานต์ปีหน้าแน่นอน เนื่องจากเหล้ามีผลเสียทำให้เกิดอุบัติเหตุ และโรคอีก 60 โรคตามมา แต่อำนาจทางกฎหมายอยู่ที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่เสนอความเห็น ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันนี้ได้ลงนามเสนอเพิ่มกรรมการจากภาคเอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน เพื่อให้คณะกรรมการครบถ้วนตามกฎหมาย หลังจากนายกรัฐมนตรีลงนามแล้วก็จะดำเนินการขั้นต่อไป คือการเสนอห้ามขายเหล้าในวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันสำคัญทางศาสนา คือวันสงกรานต์ วันเข้าพรรษา มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา ส่วนวันขึ้นปีใหม่จะยังไม่บังคับ เนื่องจากเป็นวันหยุดสากล แต่หากระยะหนึ่งประชาชนเกิดการยอมรับก็จะดำเนินการต่อไป สำหรับผลการระดมความเห็นในกลุ่มของนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ได้เสนอการควบคุมเหล้าเป็นเรื่องเร่งด่วนและผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะ ในระดับกระทรวง เสนอให้มีการแก้กฎหมาย กฎระเบียบ เพิ่มงบประมาณ การจัดกำลังคน ความก้าวหน้า ขวัญกำลังใจบุคลากร โดยเสนอให้แยกกระทรวงสาธารณสุขเป็นองค์กรอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และปรับบทบาทของสปสช. สสส. และสช.ให้ชัดเจน ในกลุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป เสนอให้แยกกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานอิสระไม่ขึ้นกับก.พ. ให้เพิ่มตำแหน่งข้าราชการทุกสาขาวิชาชีพ เพิ่มแรงจูงใจและสวัสดิการแก่ครอบครัว เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีภาระหนักดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก จนไม่มีเวลาพักผ่อน และเสนอให้แก้ไขกฎระเบียบในการเพิ่มค่าตอบแทนให้ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลเอกชน ให้เพิ่มงบลงทุนการก่อสร้าง เสนอให้มีกองทุนช่วยเหลือการฟ้องร้องแพทย์ ไม่ให้มีการฟ้องคดีอาญาแก่แพทย์ในโรงพยาบาลรัฐ เนื่องจากถือเป็นผู้ปฏิบัติราชการ ให้เพิ่มแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ให้เพียงพอในการรับรักษาผู้ป่วยที่ส่งต่อจากรพ.อื่น กลุ่มผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน เสนอให้แยกกระทรวงสาธารณสุขออกจากก.พ. เพิ่มความก้าวหน้าวิชาชีพบุคลากร ให้ปรับฐานเงินเดือนแพทย์ ทันตแพทย์ เหมือนกับอัยการ ผู้พิพากษา เพิ่มค่าตอบแทนแพทย์ทันตแพทย์ ตามอายุงานและความทุรกันดาร เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการร้องเรียน โดยพัฒนาระบบส่งต่อให้มีประสิทธิภาพ ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอและโรงพยาบาล เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นกรรมการบริหารกองทุนท้องถิ่น ในส่วนกลุ่มของสาธารณสุขอำเภอ เสนอให้ผลักดันพ.ร.บ.วิชาชีพหมออนามัย ไม่เห็นด้วยกับการถ่ายโอนสถานีอนามัยสังกัดอบต. ไปก่อน โดยให้สอบถามความเห็นของสถานีอนามัย เสนอให้สาธารณสุขอำเภอทั้งหมดเป็นซี 8 ก่อนเข้าแท่งในวันที่ 10 ธันวาคม 2551 ขอเพิ่มค่าเสี่ยงภัยของเจ้าหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา จากเดิมได้รับ 1,000 บาท เป็น 3,000 บาท และเพิ่มการจ้างอสม.ประจำสถานีอนามัยเป็น 3 คน สัญญาจ้าง 1 ปี โดยข้อเสนอจากผู้บริหารทั้ง 4 กลุ่มนี้ จะรับไปและรีบจัดทำตามลำดับความสำคัญเร่งด่วนทันที ร.ต.อ.ดร.เฉลิมกล่าว ************************************ 27 ตุลาคม 2551


   
   


View 7       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ