กระทรวงสาธารณสุข โดยสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ บูรณาการภาคีเครือข่าย จัดประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์และวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 4 เตรียมพร้อมรองรับการใช้ชีวิต การจัดสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัยและการรักษาสุขภาพของผู้สูงอายุ ให้สอดคล้อง กับความต้องการและเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ

          วันนี้ (7 สิงหาคม 2566) ณ อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ และแพทย์หญิงบุษกร โลหารชุน ผู้อำนวยการสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ ร่วมเปิดประชุมวิชาการด้านเวชศาสตร์และวิทยาการผู้สูงวัย มหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ครั้งที่ 4 (The 4th Thailand Elderly Health Service Forum 2023) ภายใต้หัวข้อ “Aging in Place” ความหมายในความต้องการของผู้สูงอายุ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 9 สิงหาคม 2566 ณ อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน กว่า 800 คน เข้าร่วมประชุม

          นายอนุทินกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุ (Aged Society) อย่างสมบูรณ์ มีประชากรผู้สูงอายุถึงร้อยละ 20 ของประชากรรวม หรือประมาณ 13.5 ล้านคน ถือเป็นความท้าทายในการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รองรับ อาทิ สิ่งแวดล้อม ระบบสวัสดิการสังคม ระบบบริการสุขภาพ ค่าใช้จ่ายด้านบริการสุขภาพและสังคม การคุ้มครองสิทธิ์และสวัสดิภาพ รวมถึงการเพิ่มความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้สูงอายุ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันดูแลทุกมิติ ตั้งแต่พื้นฐานทางวิชาการ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ตรงกัน มีกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การวางแผนและกำหนดนโยบายที่ยั่งยืน ให้ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือและดูแลตนเองได้ยาวนานที่สุด มีภาวะพึ่งพิงช้าที่สุด สามารถอยู่ในที่ตั้งได้อย่างมีความสุข (Aging In Place) สอดคล้องกับ
ความต้องการ และได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพตามบริบทที่เหมาะสม ทั้งนี้ หัวใจสำคัญที่จะขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ คือ การบูรณาการที่ทุกองค์กรต้องมีเป้าหมายในทิศทางเดียวกัน

          นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการรองรับสังคมสูงอายุ โดยประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย มุ่งยกระดับการให้บริการและการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การคัดกรองสุขภาพ การตรวจรักษาโรคในคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์จำเป็นในการดำรงชีวิต อาทิ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แว่นสายตา ฟันเทียมและรากฟันเทียม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง 

          นายแพทย์ธงชัยกล่าวว่า สำหรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร เพื่อผู้สูงอายุ ได้บูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ จัดการประชุมเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมความรู้และทักษะด้านเวชศาสตร์และวิทยาการสูงวัย (Geriatric medicine & Gerontology) ในทุกมิติที่ทันสมัยให้กับบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพ ชุมชน ครอบครัวและผู้สูงอายุ เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันในการก้าวสู่สังคมสูงวัยได้อย่างมีคุณภาพ และสร้างความร่วมมือในการพัฒนาองค์ความรู้และวิทยาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 

************************************************ 7 สิงหาคม 2566

 



   
   


View 20680    07/08/2566   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ