สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทรงเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไม่สงบ ที่โรงพยาบาลปัตตานี พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โดยขณะนี้ร.พ.ปัตตานีตั้งศูนย์วิกฤตสุขภาพจิต ให้บริการปฐมพยาบาลด้านจิตใจ แก่ครอบครัว ญาติ ผู้สูญเสียตลอด 24 ชั่วโมง หมายเลขโทรศัพท์ 086-9574449 และพัฒนาสุขภาพแม่และเด็ก พบว่าขณะนี้หญิงตั้งครรภ์คลอดบุตรที่สถานพยาบาลสูงถึงร้อยละ 90 วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2549) เวลา 17.20 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จไปทรงเยี่ยมให้กำลังใจผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่โรงพยาบาลปัตตานี โดยมีนายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และข้าราชการ เฝ้ารับเสด็จ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดปัตตานี นับตั้งแต่ 5 มกราคม 2547 – 31 ตุลาคม 2549 มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 405 คน เสียชีวิต 80 คน ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตร้อยละ 75 เป็นประชาชนทั่วไป ที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และพระภิกษุ ในวันนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานีทั้งหมด 9 ราย ในการเยียวยาด้านจิตใจของครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ โรงพยาบาลปัตตานีได้ตั้งศูนย์วิกฤตสุขภาพจิตขึ้น เพื่อให้บริการปฐมพยาบาลด้านจิตใจแก่ครอบครัวและญาติผู้สูญเสีย และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในจังหวัด โดยเปิดบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทางหมายเลข 086-9574449 ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นต้นมา มีผู้รับบริการเฉลี่ยวันละ 4-5 คน ส่วนใหญ่ขอคำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อเครียด วิตกกังวล ผลการดำเนินการตลอดปีงบประมาณ 2549 ได้ให้บริการปฐมพยาบาลทางจิตใจ ปลอบใจ ประสานญาติและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 157 คน และออกเยี่ยมบ้าน เยียวยาด้านจิตใจ 23 คน ในจำนวนนี้จากประเมินสภาวะสุขภาพจิต พบว่ามีอยู่ 2 รายมีภาวะเครียดจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ทีมจิตแพทย์ได้ให้การดูแลอย่างต่อเนื่อง อนึ่ง ในวันนี้ได้มีสมาชิกโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว จำนวน 26 ครอบครัวมาเฝ้ารอรับเสด็จด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้สนองพระดำริในพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ที่ทรงมีพระปณิธานในการสนับสนุนให้ผู้เป็นแม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ในโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ส่งเสริมให้แม่หลังคลอดทุกรายที่ไม่มีข้อห้าม เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน โดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้หญิงตั้งครรภ์ทุกราย ซึ่งมีปีละประมาณ 800,000 ราย ฝากครรภ์ที่สถานพยาบาล เพื่อให้แม่และเด็กได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดีที่สุด และให้สถานพยาบาลในสังกัดทุกระดับตั้งคลินิกนมแม่เพื่อให้ความช่วยเหลือหญิงให้นมบุตรอย่างต่อเนื่อง ให้คำปรึกษา แนะนำวิธีการเก็บน้ำนมไว้ให้ลูกกินเมื่อแม่ไม่อยู่บ้าน และให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกเยี่ยมบ้านหญิงหลังคลอดทุกราย เพื่อประเมินความก้าวหน้า ติดตามปัญหาด้านสุขภาพแม่และเด็กในช่วง 15 วันหลังคลอดและต่อเนื่องเป็นระยะ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพศูนย์เด็กเล็กทั่วประเทศซึ่งมีกว่า 16,000 แห่ง ให้ได้มาตรฐาน เพื่อดูแลเลี้ยงเด็กในช่วงกลางวันที่แม่ทำงาน ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ขณะนี้พบว่าหญิงตั้งครรภ์มาคลอดที่โรงพยาบาลมากขึ้น ในปี 2549 มีหญิงคลอดที่สถานพยาบาลทั้งหมด 9,713 ราย คิดเป็นร้อยละ 90 ของหญิงคลอดทั้งหมด 10,780 ราย ในขณะที่ปี 2548 คลอดที่สถานพยาบาล 9,525 รายคิดเป็นร้อยละ 85 ของหญิงคลอดทั้งหมด 11,193 ราย ส่งผลให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงขึ้น โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลปัตตานี หลังจากที่ได้พัฒนาคลินิกนมแม่ตั้งแต่พ.ศ.2547 เพื่อช่วยแม่ที่ปัญหาในการเลี้ยงลูก จากการประเมินผลพบว่าประสบผลสำเร็จ อัตราการเลี้ยงนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 4-6 เดือน เพิ่มจากร้อยละ 16 ในปี 2547 เป็นร้อยละ 40 ในปีงบประมาณ 2549 โดยในปี 2550 นี้กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะพัฒนาให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงนมแม่อย่างเดียวให้ได้มากกว่าร้อยละ 40 โดยจากการสำรวจอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของหญิงไทยล่าสุด พ.ศ. 2548 พบทั่วประเทศมีทารกที่กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพียงร้อยละ 15 และกินนมแม่อย่างเดียว 4 เดือนเพียงร้อยละ 21 เท่านั้น พฤศจิกายน2/10-11 ************************************ 12 พฤศจิกายน 2549


   
   


View 8    12/11/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ