รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสั่ง อย. ศึกษาระดับคาเฟอีนในเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน รวมทั้งชา กาแฟ สำเร็จรูปพร้อมดื่ม น้ำอัดลม ซึ่งอาจทำให้ประชาชนได้รับปริมาณคาเฟอีนเกินมาตรฐานเพื่อที่จะกำหนดปริมาณคาเฟอีนให้เหมาะสมในเครื่องดื่มแต่ละชนิด คาดเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอาหาร ในวันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ศึกษาระดับคาเฟอีนในเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน รวมทั้งชา กาแฟ สำเร็จรูปพร้อมดื่ม และน้ำอัดลม เนื่องจากอาจทำให้ประชาชนที่บริโภคเครื่องดื่มดังกล่าวได้รับปริมาณคาเฟอีนในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ปัญหาที่น่าเป็นห่วงขณะนี้กลุ่มผู้ใช้แรงงงานบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้มาก หากไม่มีจะใช้กาแฟสำเร็จรูปบรรจุซองรับประทานโดยไม่ผสมน้ำ โดยให้เหตุผลว่าจะมีกำลังดีไม่เหนื่อยง่ายทำงานได้นาน ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก จึงจะต้องเร่งศึกษาข้อมูลด้านความปลอดภัยเพื่อประเมินความเสี่ยงเครื่องดื่มดังกล่าวเพื่อที่จะกำหนดปริมาณคาเฟอีนให้เหมาะสมกับเครื่องดื่มแต่ละชนิด ด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในประเทศไทยเคยมีการศึกษาวิจัยปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มบางชนิด แต่ในระยะหลัง มีเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในท้องตลาดเพิ่มขึ้น อย. จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาความเสี่ยงในผลิตภัณฑ์ที่มีคาเฟอีน และเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะนำเสนอทางเลือกในการกำหนดปริมาณที่เหมาะสมในเครื่องดื่มแต่ละชนิด คาดว่าจะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอาหาร ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 นี้ นายแพทย์พิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา อย.ได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ควบคุมปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่ม 2 ชนิดได้แก่ เครื่องดื่มผสมคาเฟอีนและกาแฟ เนื่องจากมีส่วนผสมคาเฟอีนในอัตราที่เข้มข้น อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว จึงได้กำหนดให้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อ 1 ขวดบรรจุ สำหรับเครื่องดื่มผสมคาเฟอีน และ80 มิลลิกรัมต่อ100 ซีซี สำหรับกาแฟ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 21 มกราคม 2547 และ ได้ออกประกาศ อย. ให้ผู้ผลิตจะต้องพิมพ์ ข้อความในฉลากของเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีน ว่า “หามดื่มเกินวันละ 2 ขวดเพราะหัวใจจะสั่น นอนไมหลับ เด็กและสตรีมีครรภไมควรดื่ม ผูปวยปรึกษาแพทยกอน” ดวยตัวอักษร เสนทึบสีแดง ขนาดความสูงไมนอยกวา 2 มิลลิเมตร ในกรอบสี่เหลี่ยมพื้นขาวสีของกรอบตัดกับสีของพื้นฉลากมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 ................................. 25 พฤศจิกายน 2551


   
   


View 14    25/11/2551   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ