‘สสจ.นครพนม’ เปิดเวทีวิชาการ เดินหน้าพัฒนาศักยภาพบุคลากร ในการดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

"โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง" เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จากสถานการณ์ของจังหวัดนครพนม กลุ่มป่วยโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง หากควบคุมโรคได้ไม่ดีจะส่งผลต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางไตตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญของจังหวัดนครพนม การป้องกันก่อนการเกิดโรคเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กันไปกับการดูแลรักษา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดไม่ติดต่อเรื้อรังรายใหม่ รวมทั้งจะลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ ตาบอดจากโรคเบาหวานและภาวะไตวายเรื้อรังได้ 

       วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โดยกลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ จัดประชุมเชิงวิชาการ “โครงการพัฒนาระบบบริการโรคไม่ติดต่อเรื้อรังจังหวัดนครพนม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567” เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขและเครือข่าย ในการดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านการส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟู โดยผ่านการเรียนรู้ และนำไปสู่การปฏิบัติงานในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะส่งผลให้ประชาชนได้ประโยขน์และเข้าถึงบริการที่มีมาตรฐานมีรูปแบบการให้บริการ แบบไร้รอยต่อ 

       “กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลก ทั้งในมิติของจำนวนการเสียชีวิตและภาระโรคโดยรวม โดยกลุ่มโรค NCDs ที่พบการเสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด รองลงมา คือ โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน โดยปัญหาดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญสียสุขภาวะ และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง”

        สถานการณ์จังหวัดนครพนม พบอัตราป่วยโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ ปี 2564-2566 คิดเป็น 785.17, 792.15 และ 778.49 ต่อแสนประชากร อัตราป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ 501.11, 466.50 และ 545.04 ต่อแสนประชากร ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้น และการควบคุมเบาหวานในกลุ่มป่วยผลงาน 27.18, 32.45 และ 34.02 ตามลำดับ การควบคุมโรคความดันโลหิตสูง ผลงาน 65.28, 67.93 และ 68.03 ทั้งนี้ จากตัวเลขผลงานข้างต้นยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางไตตามมา และพบว่าโรคไตเรื้อรังมีความชุกที่สูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโรคไตเรื้อรังระยะที่ 1-3 เป็นระยะที่สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้ และจากข้อมูลของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่าโรคไตเรื้อรังมีสาเหตุจากโรคเบาหวานมากที่สุด ร้อยละ 37.5 รองลงมา คือ โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 25.6 

       อนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมวิชาการฯ  ประกอบด้วย ทีมสหสาขาวิชาชีพผู้ดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในจังหวัดนครพนม โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจากแพทย์หญิงสุรธินีย์ คูสกุลวัฒน แพทย์หญิงจุฬารัตน์ บุญทศ และคณะจากโรงพยาบาลนครพนม ดร.รัตติยา ทองอ่อน จากวิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนีนครพนม เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ในครั้งนี้

Facebook: งานประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม
https://www.facebook.com/share/p/Q5wPUrd4FHX5QWZK/?mibextid=Nif5oz