กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี ในประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง เริ่มให้บริการ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งอาจมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น โดยสามารถขอรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

          วันนี้ (30 เมษายน 2567) นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 เมษายน 2567 ว่าได้รับรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่จำนวน 123,739 ราย อัตราป่วย 190.63 ต่อประชากรแสนคนผู้ป่วยเสียชีวิต 5 ราย อัตราป่วยตาย 0.004 ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 0-4 ปี เท่ากับ 694.46 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ อายุ 5-14 ปี (567.15) และอายุ 15-24 ปี (164.88) โดยเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปี 2566 คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะเริ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน และจะพบผู้ป่วยสูงสุดในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงฤดูฝน เนื่องจากในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และกำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนที่ เป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งโรคนี้มีวัคซีนป้องกันแนะนำให้ฉีดปีละ 1 ครั้งช่วงก่อนฤดูกาลระบาด โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง จะช่วยลดความรุนแรงของการป่วย การนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนของโรคไข้หวัดใหญ่

          สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคได้ดำเนินการร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 4.51 ล้านโดส โดยจะเริ่มรณรงค์ฉีดวัคซีนระหว่างวันที่  1 พฤษภาคมถึง 31 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด ทั้งนี้ประชาชนคนไทยทุกสิทธิการรักษาที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2567 ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี)  2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี  3.ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน  4.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป  5.ผู้ที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)  6.โรคอ้วน (น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือมี ดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) และ  7.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ นอกจากนี้ยังเตรียมวัคซีนสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคไข้หวัดใหญ่ในการทำงานด้วย

          นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อไปว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์การระบาดทุกปี ประชาชนกลุ่มเสี่ยงควรรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี ในช่วงก่อนฤดูกาลระบาดเพื่อลดความรุนแรงของโรคและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนได้ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว เข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐ และสถานพยาบาลเอกชนใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเพื่อความสะดวก ประชาชนกลุ่มเสี่ยง สามารถโทรนัดหมายกับหน่วยบริการล่วงหน้า เพื่อทราบวันเวลาเข้ารับบริการที่แน่นอน พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เน้นการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

***************************

ข้อมูลจาก : กองระบาดวิทยา/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค

วันที่ 30 เมษายน 2567



   
   


View 187    30/04/2567   ข่าวในรั้ว สธ.    สำนักสารนิเทศ