รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข สั่งการกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ เร่งจัดเวทีระดมสมองผู้เกี่ยวข้อง หาข้อยุติกรณีสมุนไพรพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ถูกประกาศให้เป็นวัตถุอันตราย แนะประชาชนที่ใช้สมุนไพรดังกล่าวในเชิงภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือเพื่อการรักษาโรค ไม่ต้องกังวล ยังคงใช้ได้ตามปกติ ไม่มีความผิดแต่อย่างใด จากกรณีที่มีประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2552 กำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืชซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี เฉพาะที่นำไปใช้ป้องกัน กำจัด ทำลาย ควบคุม แมลง วัชพืช โรคพืช ศัตรูพืช หรือควบคุมการเจริญเติบโตของพืช 13 ชนิด ได้แก่ สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก คึ่นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดองดึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2552 นั้น วันนี้ (11 กุมภาพันธ์ 2552) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พืชทั้ง 13 ชนิดตามประกาศดังกล่าว เป็นพืชที่อยู่ในวิถีชีวิตปกติของชาวบ้าน มีการนำมาใช้เป็นอาหารหรือเป็นยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคมานานแล้ว สำหรับการประกาศให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 ดังกล่าวนั้น เกี่ยวข้องเฉพาะการนำไปใช้กำจัดศัตรูพืช ไม่ได้ครอบคลุมถึงเรื่องอาหารและยารักษาโรคในคน นายมานิต กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีภารกิจหลักในการส่งเสริม พัฒนาภูมิปัญญาไทยและสมุนไพรไทย ประสานข้อมูลกับกรมวิชาการเกษตรทันที เพื่อทำความเข้าใจ ทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งภาครัฐและเกษตรกร ซึ่งตามประกาศดังกล่าว แม้จะกำหนดให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืชทั้ง 13 ชนิด เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 1 แต่ทางราชการไม่ได้ควบคุมใกล้ชิด ไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนและอนุญาต เพียงแต่จะมีการกำกับให้มีการใช้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และมีคุณภาพ ไม่เป็นอันตราย ตามข้อกำหนดของกรมวิชาการเกษตร สำหรับประชาชนที่ใช้สมุนไพรในเชิงภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือการรักษาโรค จึงสามารถใช้ได้ตามปกติ ไม่ถือว่ามีความผิดแต่อย่างใด นอกจากนี้ ได้ให้กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชน ร่วมประชุมระดมสมองขอความคิดเห็น และหามติร่วมกัน ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ************************11 กุมภาพันธ์ 2552


   
   


View 8    11/02/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ