รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้ประชาชนตอบรับกระแสรณรงค์ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ดีขึ้น เริ่มเข้าใจว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคมฤตยู รักษาและป้องกันได้ สรุปผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทย ตั้งแต่เดือนเมษายน - 22 มิถุนายน 2552 รักษาหายดีแล้ว 760 ราย ยังเหลือนอนโรงพยาบาลในวันนี้เพียง 14 ราย อาการน่าเป็นห่วง 1 ราย เป็นหญิงวัย 57 ปี อยู่ในความดูแลใกล้ชิดจากคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปเยี่ยมชมการรณรงค์ให้ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แก่นักเรียนหลังเคารพธงชาติ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี เมื่อเช้าวันนี้ (22 มิถุนายน 2522) ว่า ขณะนี้ได้เร่งทุกพื้นที่รณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจประชาชน และกลุ่มนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ สถาบันศึกษา ทั้งรัฐ เอกชน เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ทั่วประเทศทุกวัน ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ประชาชนเริ่มเข้าใจดีขึ้นว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคมฤตยู เป็นโรคที่ป้องกันและ รักษาหายได้ แต่ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะป้องกันและลดการสูญเสียชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้สั่งการให้คณะทำงานด้านการแพทย์วางมาตรแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ วัณโรค ผู้สูงอายุ และเพิ่มการให้ความรู้ประชาชนในการสังเกตอาการหลังป่วยที่ต้องรีบมาพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมงมานี้ ได้รับรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีผู้ป่วยยืนยันเพิ่มอีก 69 ราย เป็นรายเก่าที่รอผลการตรวจ 47 ราย รายใหม่ 22 ราย ในจำนวนนี้ติดมาจากต่างประเทศ 2 ราย ยอดสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 22 มิถุนายน 2552 มีผู้ป่วยยืนยันทั้งหมด 774 ราย รักษาหายเป็นปกติแล้ว 760 ราย ยังเหลือนอนในโรงพยาบาล 14 ราย โดยมี 1 ราย เป็นหญิงอายุ 57 ปี อาการน่าเป็นห่วง รักษาในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งคณะแพทย์จากศิริราชพยาบาลได้เข้าไปช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด
ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อัตราเสียชีวิตของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ขณะนี้ลดลงจากเดิมในระยะแรกๆ ในเดือนเมษายน 2552 ที่มีประมาณร้อยละ 7 แต่ขณะนี้ลดลงเหลือเฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.41 ซึ่งใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แม้ว่าอัตราการเสียชีวิตจะน้อย กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำให้ดูแลผู้ป่วยดีที่สุด โดยให้ทุกจังหวัดปรับระบบรายงานจำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลพร้อมอาการของผู้ป่วยให้เป็นปัจจุบันทุกวัน และจัดส่งรายงานไปที่สำนักระบาดวิทยา รายใดที่มีอาการหนักจะจัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจจากกรมการแพทย์ลงไปช่วยดูแล
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ยังมีประชาชนบางกลุ่มยังเข้าใจผิดว่า โรคนี้เกิดจากการกินเนื้อหมู ขอเรียนว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด การป้องกันไม่ให้ป่วยด้วยโรคนี้ ทำได้โดยล้างมือบ่อยๆ ไม่คลุกคลีหรือใช้ของร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ผ้าเช็ดตัว กินอาหารโดยใช้ช้อนกลางตักอาหาร พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญผู้ที่กำลังป่วยให้ป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น โดยสวมหน้ากากอนามัยขณะมีไข้ ไอ จาม ล้างมือบ่อยๆ และงดการเข้าไปอยู่ในที่แออัดและอากาศไม่ถ่ายเท
******************************** 22 มิถุนายน 2552
View 15
22/06/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ