กระทรวงสาธารณสุข เผยต่อปีมีหญิงไทยตั้งครรภ์ขณะอายุยังไม่ถึง 20 ปี ประมาณ 160,000 คน เป็นเหตุให้มีเด็กคลอดก่อนกำหนดสูงถึงปีละ 40,000 คน ส่งผลเป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก เสี่ยงปัญหาพัฒนาการล่าช้าและจอประสาทตาเสื่อม หรือเสียชีวิตสูงจากปัญหาติดเชื้อง่าย เร่งระดมเครือข่ายแก้ไขปัญหา โดยจัดประชุมวิชาการครั้งใหญ่วันที่ 1-2 กรกฎาคม 2552 นี้ ตั้งเป้าปี 2552 ลดจำนวนทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม ให้ไม่เกินร้อยละ 7 ของเด็กเกิดใหม่ วันนี้ (29 มิถุนายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และศาสตราจารย์นายแพทย์ธราธิป โคละทัต คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ร่วมกันแถลงข่าว การประชุมวิชาการ “การสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เพื่อการดูแลภาวะคลอดก่อนกำหนด” นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า สุขภาวะอนามัยแม่และเด็กเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความเจริญก้าวหน้าของประเทศ จากการสำรวจเด็กไทยพบว่ามีแนวโน้มพัฒนาการลดลง จากในปี 2547 เด็กเล็กมีพัฒนาการสมวัยร้อยละ 71 ลดเหลือร้อยละ 67 ในปี 2550 ส่วนเด็กวัยเรียนมีค่าเฉลี่ยด้านสติปัญญาหรือไอคิวร้อยละ 88 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานคือ 90 จุด นอกจากนี้ ยังพบปัจจัยที่ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทั้งด้านแม่และลูก ที่สำคัญและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นคือ มีแม่วัยรุ่นตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปีถึงร้อยละ 11 – 20 สูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด แต่ละปีพบประมาณ 160,000 คน การใส่ใจดูแลเด็กในครรภ์มีน้อยกว่าหญิงทั่วไป ทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาเด็กน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 2,500 กรัมประมาณร้อยละ 8 ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการคลอดก่อนกำหนด และมีเด็กขาดออกซิเจนระหว่างคลอดร้อยละ 3 ต่อปี นอกจากนี้ อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนยังต่ำเพียงร้อยละ 25 ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพเด็กไทยที่ต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า เพื่อพัฒนาคุณภาพแม่และเด็กไทย ให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย สนองพระปณิธานของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในปี 2552-2556 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาแม่และเด็กไทยระยะ 5 ปี เน้นมาตรการสังคมสร้างเด็กฉลาด เร่งรัด 3 เรื่องคือ 1.สตรีเมื่อตั้งครรภ์ให้ฝากครรภ์ทันที 2.หญิงหลังคลอดให้ลูกกินนมแม่ 6 เดือน 3.เล่าหรืออ่านนิทานให้ลูกฟังทุกวัน โดยมีอสม.เป็นแกนนำ และพัฒนาระบบบริการให้ได้มาตรฐานโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว ดูแลตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอดและการเลี้ยงดูเด็ก ขณะนี้มีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการแล้ว 896 แห่ง ผ่านการประเมินระดับทอง 212 แห่ง 4.สนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ และสมรรถนะของบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข และ 5.ประชาสัมพันธ์ สร้างกระแสสังคม ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในการส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แต่ละปีไทยมีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 800,000 คน โดยมีเด็กน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยกว่า 2,500 กรัมร้อยละ 8 หรือ 64,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด 40,000 คน ที่เหลือเป็นเด็กที่มีปัญหาเจริญเติบโตในครรภ์ชะงักงันแต่ครรภ์ครบกำหนด ซึ่งเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จะมีภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง และต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอวัยวะสำคัญของร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ โดยเฉพาะปอด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและออกซิเจน ต้องให้อาหารทางหลอดเลือดหรือทางสายยาง มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดสูง และอาจมีปัญหาพัฒนาการล่าช้าหรือจอประสาทตาเสื่อมตามมา นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า ในการแก้ไขปัญหาเด็กคลอดก่อนกำหนด ในวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2552 กรมอนามัยจะจัดประชุมวิชาการบุคลากรทางการแพทย์ เรื่องการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เพื่อการดูแลภาวการณ์คลอดก่อนกำหนด ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านการดูแลหญิงตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยง และการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด ตั้งเป้าหมายปี 2552 ลดจำนวนทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม ให้ไม่เกินร้อยละ 7 และทารกแรกเกิดขาดออกซิเจนน้อยกว่าร้อยละ 3 ซึ่งที่ผ่านมาได้จัดประชุมระดมสมองกุมารแพทย์และสูติแพทย์ เพื่อแก้ปัญหาเด็กน้ำหนักตัวน้อยกว่า 2,500 กรัม ได้ผลสรุปแก้ไข 3 เรื่องได้แก่ แม่วัยรุ่น โภชนาการหญิงตั้งครรภ์ และการฝากครรภ์ที่มีคุณภาพ ทางด้านนายแพทย์ธีรวัฒน์ กุลทนันท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ อยู่ในโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เพื่อครอบครัวของเด็กและเยาวชนไทย ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 เวลา 14.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ จะเสด็จทรงเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม พร้อมประทานโล่เชิดชูเกียรติและรางวัลบุคลากรทางการแพทย์ดีเด่น 4 รางวัล ได้แก่ กุมารแพทย์ดีเด่น สูติแพทย์ดีเด่น พยาบาลดีเด่น และวิชาชีพดีเด่นด้านสูติกรรม รางวัลโครงการดูแลสตรีตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยงและทารกคลอดก่อนกำหนด จำนวน 6 รางวัล และประทานตู้อบทารกชนิดเคลื่อนย้ายแก่โรงพยาบาลลำพูน นอกจากนี้ ยังมีการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “อสม./อสส. ช่วยป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนดได้อย่างไร” โดย นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ การอภิปราย เสวนาทางวิชาการในหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การขับเคลื่อนกระบวนการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพสำหรับสตรีตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยงและทารกแรกเกิด ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการพัฒนาระบบดูแลสตรีตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยงและทารกแรกเกิด ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น...วิกฤตของประเทศ เป็นต้น และการแสดงนิทรรศการผลการดำเนินงานเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก ********************************** 29 มิถุนายน 2552


   
   


View 8    29/06/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ