รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยรอบสัปดาห์นี้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยอดสะสมเท่าเดิม 165 ราย มี 11 จังหวัดที่ยังพบผู้ป่วยหนาแน่น เน้นย้ำโรงพยาบาลในสังกัดและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดคงมาตรการ 2 ลด 3 เร่งต่อเนื่อง และให้จับตาโรคปอดบวมเป็นพิเศษในหน้าหนาว น้ำท่วม เพื่อตรวจจับสัญญาณการประทุของโรคนี้ได้อย่างทันท่วงที วันนี้ (7 ตุลาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ศ.พญ.สยมพร ศิรินาวิน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นายวิทยา กล่าวว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน- 3 ตุลาคม 2552 ทั่วประเทศไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมเท่าเดิม 165 ราย ใน 54 จังหวัด การเข้าถึงยาต้านไวรัสของผู้ป่วยดีขึ้นมากเฉลี่ย 3-4 วันหลังป่วย ทำให้การรักษาได้ผล ขณะนี้ยังพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 หนาแน่นใน 11 จังหวัดได้แก่ อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด เชียงราย ลำปาง พะเยา กำแพงเพชร ลพบุรี สระบุรี ชลบุรี และระยอง จึงขอให้ประชาชนยึดแนวปฏิบัติตัวที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ คือกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ หากมีอาการป่วยคล้ายไข้หวัดใหญ่ และไม่ดีขึ้น ไข้ไม่ลงใน 2 วัน ต้องรีบพบแพทย์ และให้ทุกจังหวัดคงมาตรการความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง ควบคุมกำกับการกระจายยา รวมทั้งประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง “ขอขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงสื่อมวลชน ที่ช่วยกันรณรงค์เผยแพร่ความรู้ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ด้วยดีมาโดยตลอด ทำให้ประชาชน ตระหนักและให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆ อาทิเช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัดและมีอาการไอ จาม การล้างมือบ่อยๆ ทำให้สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในประเทศมีแนวโน้มที่ลดลงมาก” ทั้งนี้มีจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 22 จังหวัดได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน พะเยา ลำพูน เลย ชัยภูมิ หนองคาย กาฬสินธุ์ สระแก้ว ระยอง ตราด อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท ยะลา นราธิวาส พังงา พัทลุง สตูล และระนอง นายวิทยากล่าว นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงนี้อากาศในประเทศไทยเปลี่ยนแปลง เริ่มเย็นลง ขณะที่หลายพื้นที่มีฝนตกชุกและน้ำท่วม ทำให้อากาศมีความชื้นสูง เชื้อไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ประชาชนจึงมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคได้มากขึ้น เน้นย้ำให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด คงมาตรการ 2 ลด 3 เร่งอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการเฝ้าระวังโรคปอดบวมเป็นพิเศษ เนื่องจากโรคนี้จะเป็นสัญญานเตือนของการติดเชื้อที่ปอด ซึ่งมีหลายโรคทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โรคไข้หวัดนก และขอให้ดูโรคอื่นๆที่แทรกเข้ามาในช่วงนี้ที่มีฝนตกน้ำท่วม อาทิโรคฉี่หนู โรคทางเดินอาหาร โรคน้ำกัดเท้า โรคตาแดงโดยเฉพาะเด็กนักเรียน ซึ่งช่วงปิดเทอมอาจมีการออกไปเที่ยวตามศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ สวนสนุก ร้านอาหาร ขอให้ผู้ปกครองเอาใจใส่ให้เด็กดูแลป้องกันตัวเป็นพิเศษด้วย สำหรับการแถลงข่าวสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ต่อจากนี้ไปจะไม่แถลงทุกสัปดาห์ จะแถลงเมื่อมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบ โดยจะเผยแพร่ข้อมูลทุกสัปดาห์ ทางเวปไซต์ www.moph.go.th ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกับองค์การอนามัยโลก ****************** 7 ตุลาคม 2552


   
   


View 24       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ