ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยคนไทยอย่าตื่นตระหนกการประกาศภาวะฉุกเฉินไข้หวัดใหญ่ 2009 ของประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะเป็นการประกาศทางนโยบายเพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานสะดวกขึ้น ส่วนคนไทยยังสามารถเดินทางไปสหรัฐได้ และเมื่อเดินทางกลับไทย หากป่วยเป็นไข้ ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนวัคซีนป้องกันไข้หวัด 2009 จำนวน 2 ล้านโด๊ส จะเริ่มนำเข้าไทยเดือนธันวาคม 2552
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการที่นายโอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศภาวะฉุกเฉินทางด้านสุขภาพทั่วประเทศ หลังจากที่มีตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว การประกาศนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถปฏิบัติงานรับมือการระบาดของโรคได้สะดวกขึ้น ว่า การประกาศดังกล่าวคนไทยไม่ต้องตกใจ สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบข่าวแล้วทราบว่าประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ใน 46 มลรัฐ และจากการสุ่มตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบเชื้อที่เป็นสาเหตุของการป่วยครั้งนี้เกิดจากเชื้อเอช 1 เอ็น 1 (H1N1)ประกอบกับประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ประจำปี จึงได้ออกประกาศดังกล่าวขึ้นมา
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขไทยไม่ห้ามคนไทยเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ แนะนำให้ป้องกันตัวโดยล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำกับสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค หลังสัมผัสกับจุดต่างๆ ที่เป็นพื้นที่สาธารณะ มีคนใช้ร่วมกันจำนวนมาก เช่น ปุ่มลิฟต์ บันไดเลื่อน หากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหอบหืด ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันตัวเองโดยใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยหลังจากเดินทางกลับมาแล้ว หากป่วยเป็นไข้ หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขไทยยังคงใช้มาตรการเฝ้าระวังป้องกันทุกจังหวัดอย่างเข้มข้นเต็มรูปแบบ ภายใต้มาตรการ 2 ลด 3 เร่ง คือ ลดการติดเชื้อและป่วยให้มากที่สุด ลดการเสียชีวิตให้มากที่สุด และ 3 เร่ง คือ เร่งให้อสม.ค้นหาผู้ป่วยทุกชุมชน เร่งเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง และเร่งรัดการบริหารจัดการความร่วมมือของทุกฝ่ายทั้งในส่วนกลาง ภูมิภาคและท้องถิ่น ในวันที่ 28 ตุลาคม 2552 จะประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกระดับ ที่อยู่ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์เป็นประจำ
ทางด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ยาโอเซลทามิเวียร์รักษาไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทยยังใช้ได้ผลดี กรมควบคุมโรคได้สำรองไว้ 12 ล้านเม็ด และมียาซานามิเวียร์อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ในประเทศไทย พบจำนวนผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 18-24 ตุลาคม 2552 พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 243 รายทั่วประเทศ เสียชีวิต 3 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2552 เป็นต้นมามีทั้งหมด 28,300 ราย เสียชีวิตรวม 182 ราย ผู้ที่มีอาการรุนแรงส่วนใหญ่จะเป็นคนอ้วน น้ำหนักตัวตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไป กลุ่มที่มีโรคประจำตัวที่พบบ่อย ได้แก่ เบาหวาน โรคหัวใจ หอบหืด เป็นต้น ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์และดูแลอย่างเข้มข้นต่อไป
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ไทยสั่งนำเข้า 2 ล้านโด๊ส เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย จะเริ่มทยอยเข้ามาล็อตแรก 1 ล้านโด๊ส ในเดือนธันวาคม 2552 และจะเข้ามาอีก 1 ล้านโด๊สในปลายเดือนมกราคม 2553 การบริหารจัดการจะกระจายวัคซีนทั้งหมดลงพื้นที่ทุกจังหวัด โดยจะรณรงค์ฉีดป้องกันในกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ ช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2553 เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุข ด่านหน้าที่เสี่ยงต่อการสัมผัสโรค 2.หญิงมีครรภ์ไตรมาสที่สองขึ้นไป (อายุครรภ์เกิน 3 เดือนขึ้นไป) 3.คนอ้วนน้ำหนักตัวตั้งแต่ 100 กิโลกรัมหรือมีดัชนีมวลกาย 35 ขึ้นไป 4.ผู้พิการทางสมองและปัญญา 5. บุคคลอายุ 6 เดือนถึง 64 ปี ที่มีโรคประจำตัว 10 โรค เรียงตามลำดับ ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจทุกประเภท โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย ผู้ป่วยโรคมะเร็งระหว่างรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียที่มีอาการรุนแรง ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการแทรกซ้อน และผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน
************************************** 26 ตุลาคม 2552
View 9
26/10/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ