สาธารณสุข เผยขณะนี้โรคเบาหวานกำลังเล่นงานคนไทยอย่างเงียบๆ 3 ล้านราย และพบ 30,000ราย ตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา ร่วมมือกับสมาคมเบาหวานและ สปสช.จัดรณรงค์ในวันเบาหวานโลกซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี จัดบริการตรวจจอประสาทตาเคลื่อนที่และฉายเลเซอร์รักษาผู้ป่วยเบาหวานขึ้นตาที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ป้องกันตาบอด จำนวน 9,999 ดวงตาฟรี ตั้งแต่ ตุลาคม 2552 – กันยายน 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาส เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา วันนี้(6 พฤศจิกายน 2552)ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ อุปนายกสมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทยและนายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)แถลงข่าวการจัดกิจกรรมวันรณรงค์วันเบาหวานโลกซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี และโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันภาวะตาบอดจากเบาหวาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 นายวิทยา กล่าวว่า ปัจจุบันสหพันธ์เบาหวานนานาชาติประมาณการว่า ประชากรทั่วโลกเป็นโรคเบาหวานมากกว่า 250 ล้านคนหรือเกือบร้อยละ 7 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลก โดยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา จัดเป็นมหันตภัยเงียบ (Silence Killer) เป็นปัญหาสาธารณสุขของโลกที่น่ากลัว คาดว่าใน พ.ศ. 2572 หรืออีก 20 ปี ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ร้อยละ 70 จะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ส่วนไทยในปี 2551 มีผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 388,551 ราย เสียชีวิต 7,725 ราย คาดว่าทั่วประเทศ จะมีคนกำลังเป็นเบาหวานกว่า 3 ล้านคน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผู้ป่วยเกือบร้อยละ 50 ยังไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค และไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม จึงมีความเสี่ยงเกิดปัญหาแทรกซ้อน ทั้งโรคไตวาย ตาบอด โดยเฉพาะตาบอด พบว่าทั่วโลกมีประชากรที่เป็นเบาหวานและเบาหวานขึ้นตา จนตาบอดสนิทเนื่องจากเส้นเลือดไปเลี้ยงตาเสื่อมไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน ส่วนคนไทยที่เป็นเบาหวาน พบเป็นเบาหวานขึ้นตาขั้นรุนแรงไม่ต่ำกว่า 30,000 คน หากไม่ได้รับการรักษาดูแลตั้งแต่ยังไม่มีอาการ จะเกิดตาบอดตามมา ในวันเบาหวานโลกปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกับสมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัด 2 โครงการใหญ่ ได้แก่การรณรงค์โรควันเบาหวานพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีคำขวัญในการรณรงค์ คือ “เบาหวานควบคุมได้...เพียงรู้และเข้าใจ” (Understand Diabetes and Take Control) ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 โดยให้โรงพยาบาลศูนย์ 25 แห่ง และโรงพยาบาลทั่วไป 71 แห่ง ให้บริการผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยตรวจคัดกรองหาโรคแทรกซ้อน รวมทั้งให้ความรู้ ความเข้าใจในการควบคุมป้องกันโรคเบาหวานแก่ประชาชนด้วย และจัดโครงการส่งเสริมสุขภาพป้องกันตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ในการป้องกันตาบอดจากโรคเบาหวานเฉลิมพระเกียรติดังกล่าว จะจัดรถตรวจจอประสาทตาเคลื่อนที่ (Mobile Eye Unit)และฉายเลเซอร์รักษาผู้ป่วยเบาหวานที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร และมีปัญหาเบาหวานขึ้นตา จำนวน 9,999 ดวงตาฟรี เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม 2552 – กันยายน 2554 มีโรงพยาบาลนำร่องเข้าร่วมโครงการ 7 แห่ง โดยได้รับการสนับสนุนรถ 2 คัน จากมูลนิธิเบาหวานโลก และสถานทูตเดนมาร์ก เนื่องจากโอกาสครบรอบ 150 ปี ความสัมพันธ์ไทย – เดนมาร์ก และสปสช.ออกค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมด 7 ล้านกว่าบาท เฉลี่ยรายละ 770 บาท ด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่พบทั่วโลก ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาจากการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ แต่เกิดมาจากการกินอาหาร ขาดการออกกำลังกาย จากการศึกษาข้อมูลประชากรโลกในรอบ 7 ปีมานี้ พบว่าเบาหวานขึ้นตา เป็นสาเหตุให้เกิดสายตาพร่ามัวจนถึงตาบอดสูงถึงเกือบร้อยละ 5 ในประเทศไทยพบผู้ป่วยเบาหวานขึ้นตา เกือบร้อยละ 20 จากผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด แต่ที่มีความรุนแรงจนอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นพบได้ร้อยละ 2 และเป็นสาเหตุอันดับ 2 ที่ทำให้คนไทยตาบอดรองจากตาต้อกระจก โดยผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงตาบอดมากกว่าคนทั่วไปถึงร้อยละ 25 สาเหตุความเสี่ยงที่จะเกิดเบาหวานขึ้นจอประสาทตานั้น ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เป็นเบาหวานมานาน การควบคุมระดับน้ำตาล หากควบคุมได้ไม่ดีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ จะมีผลทำให้เส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่ตา ผนังหลอดเลือดในจอประสาทตาจะเกิดความผิดปกติ มีเลือดออกในตา น้ำวุ้นตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก ทำให้ตาบอด นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องอีกคือ น้ำหนักตัวมาก ระดับไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ ดังนั้น ผู้ที่เป็นเบาหวานจะต้องควบคุมตัวเองอย่าให้เกิดสิ่งที่เป็นความเสี่ยง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเบาหวานขึ้นตา ********************************* 6 พฤศจิกายน 2552


   
   


View 13    06/11/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ