สาธารณสุข วางความพร้อมป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ชาวไทยมุสลิมกว่า 14,000 คนที่เข้าร่วมพิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียประจำปี 2552 เต็มที่ โดยส่งทีมแพทย์ไทย 2 ทีม พร้อมเวชภัณฑ์ และยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ 50,000 เม็ด แจกหน้ากากอนามัย 50,000 ชิ้น เจลล้างมือ 100,000 หลอด เพื่อใช้ป้องกันโรค
จากที่มีข่าวกระทรวงสาธารณสุขประเทศซาอุดิอาระเบีย รายงานเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 ว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอช 1 เอ็น 1 (ไข้หวัดใหญ่ 2009) จำนวน 4 ราย เป็นกลุ่มผู้แสวงบุญ ซึ่ง 3 รายอายุ 75 ปีเดินทางมาจากอินเดีย โมร็อกโก และซูดาน ส่วนอีกรายเป็นคือวัยรุ่น อายุ 17 ปีจากไนจีเรีย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อน
ในส่วนของประเทศไทย นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า คนไทยที่ไปร่วมพิธีฮัจย์ มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ เนื่องจากมีคนจากทั่วโลกไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมากประมาณ 3 ล้านคน เป็นเวลานานถึง 2-9 สัปดาห์ และมีโอกาสเสี่ยงติดโรคระบาดอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจและโรคติดต่อทางเดินอาหาร ได้เตรียมความพร้อมชาวไทยมุสลิมที่จะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีปีนี้จำนวน 14,177คน โดยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลให้ทุกคนฟรีก่อนเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล หรือหากป่วยอาการก็จะไม่รุนแรง และฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่รุนแรงเช่นกันได้ฉีดให้ทั้งหมดฟรีแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกันยายน 2552
ส่วนไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ให้สำนักงานควบคุมป้องกันโรคเขต 12 จังหวัดสงขลา แจกคู่มือประชาชนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้คนละ 1 เล่ม เจลล้างมือ 100,000 หลอด พร้อมหน้ากากอนามัยชนิดกระดาษอย่างน้อยคนละ 3 ชิ้น และยังให้พี่น้องไทยมุสลิมแต่ละคนเตรียมหน้ากากอนามัยชนิดผ้าอย่างน้อย 7 ชิ้นไปเองด้วย เนื่องจากสามารถนำมาซักและใช้ซ้ำอีกได้ และภายหลังที่พี่น้องไทยมุสลิมเดินทางกลับจากพิธีฮัจย์แล้ว ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดระบบติดตามเฝ้าระวังสุขภาพ เป็นเวลา 15 วัน
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมระหว่างประกอบพิธีฮัจย์ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน่วยแพทย์พยาบาลไทย 2 ทีม รวม 50 คน พร้อมเวชภัณฑ์ยารักษาโรคอื่นๆ เหมือนเป็นโรงพยาบาลย่อย ไปให้การดูแลสุขภาพฟรีตลอดพิธีแสวงบุญ ปีนี้ได้สำรองยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ 50,000 เม็ดไปด้วย และสามารถจัดส่งได้อีกตามความจำเป็น
ทางด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ก่อนที่ชาวไทยมุสลิมจะเดินทางออกนอกประเทศทุกราย กรมควบคุมโรคได้จัดเจ้าหน้าที่จากด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และจากหน่วยพยาบาล ตรวจวัดไข้ผู้เดินทางก่อน หากพบรายใดอุณหภูมิเกิน 38 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เดินทาง กรณีที่ไม่มีไข้ จะประทับตราและลงนามผู้ตรวจไว้เป็นหลักฐานทุกราย ซึ่งจะทำให้มีความมั่นใจยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังได้อบรมความรู้ให้แซะห์หรือผู้นำกลุ่ม ให้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขฮัจย์จำนวน 200 คน เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำการดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมระหว่างแสวงบุญ ทำงานร่วมกับหน่วยแพทย์พยาบาลไทย เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิต โดยมอบกระเป๋ายาพร้อมเวชภัณฑ์ที่จำเป็นให้อสม.ด้วย
********************************** 23 พฤศจิกายน 2552
View 14
23/11/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ