นายกอภิสิทธิ์ รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ป้องกันเอดส์ในปี 2552 สร้างค่านิยมซื่อสัตย์ รักเดียว ป้องกันเอดส์ได้ พร้อมเร่งรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลดลงครึ่งหนึ่งใน ปี 2554 โดยเน้นสร้างความรู้ประชาชนกลุ่มที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และให้ผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์เข้าถึงยาต้านไวรัสอย่างทั่วถึงในปี 2552 นี้ มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้นวันละประมาณ 32 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและแม่บ้าน มีผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์สะสมรวม 25 ปีที่ต้องดูแลทั้งหมดกว่า 5 แสนคน วันนี้ (25 พฤศจิกายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พญ.ปิยธิดา สมุทระประภูต ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคเอดส์ กรุงเทพมหานคร และนางสาวสุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ แถลงข่าวการจัดงานรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี นายมานิตกล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์เอดส์ทั่วโลกในปี 2551 พบอัตราการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ประมาณ 33 ล้านคน เสียชีวิต 2.1 ล้านคน คาดว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ประมาณ 2.5 ล้านคน พบมากในกลุ่มอายุ 15 – 24 ปี คิดเป็นร้อยละ 40 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด สำหรับในไทยในปี 2552 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,753 ราย เฉลี่ยชั่วโมงละ 1.33 คน หรือวันละ 32 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์ชายและกลุ่มแม่บ้าน จำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์สะสมในรอบ 25 ปีตั้งแต่พ.ศ. 2527 รวม 1,127,168 ราย เสียชีวิต 631,510 ราย และมีชีวิตอยู่ 516,632 ราย ในปีงบประมาณ 2553 กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ได้จัดทำแผนบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2554 โดยใช้มาตรการการสื่อสารสาธารณะ ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยสนับสนุนถุงยางอนามัยจำนวน 30 ล้านชิ้น และป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย แม่บ้าน วัยรุ่น ผู้ใช้แรงงานและพนักงานบริการ โดยเน้นการสร้างความรู้ ความตระหนัก ทักษะการป้องกัน และการประเมินความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยในปีนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนายกฯคนแรกในโลกที่รับเป็นพรีเซนเตอร์ในเรื่องความซื่อสัตย์ต่อคู่ครอง ซึ่งเป็นการป้องกันเอดส์ที่ได้ผลดีวิธีหนึ่ง เป็นต้นแบบของเยาวชนและประชาชนทั่วไป ในส่วนของผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจะเน้นให้เข้าถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และสามารถเข้าถึงบริการทางสังคมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 สำหรับการป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มต่างๆ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้เป็นเครือข่ายแกนนำด้านการป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา ขยายเพิ่มจาก 35 จังหวัดเป็น 45 จังหวัด เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสคิดและดำเนินงานป้องกัน แก้ไขปัญหาเอดส์ในกลุ่มเยาวชนด้วยกัน และพัฒนาศักยภาพกลุ่ม เป็นแกนนำป้องกันในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย พัฒนารูปแบบการป้องกันในกลุ่มประชากรที่เข้าถึงยาก ได้แก่ ผู้ต้องขัง ผู้ใช้ยาเสพติด พนักงานบริการทางเพศ และชาวประมง จัดอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อป้องกันเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในชุมชน ท้องถิ่น ด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในส่วนของการให้บริการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ ได้มีการพัฒนาระบบบริการยาต้านไวรัสในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2535 จนสามารถดำเนินการขยายเครือข่ายการเข้าถึงระบบบริการการดูแล รักษาผู้ติดเชื้อ และผู้ป่วยเอดส์ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด ภายในปี 2548 และในปี 2549 โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ดำเนินการให้การบริการและการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปัจจุบัน การบริการยาต้านไวรัสเป็นสิทธิด้านการรักษาในกองทุนสุขภาพต่างๆ ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ รวมถึงโครงการพิเศษต่าง ๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับบริการด้านการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก (ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2552) มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับบริการยาต้านไวรัสสะสมจากกองทุนสุขภาพต่าง ๆ จำนวน 218,459 ราย ผู้ป่วยที่รับประทานยาปัจจุบัน จำนวน 166,760 ราย ผู้ป่วยที่รับประทานยารายใหม่ 4,088 ราย นอกจากนี้ ยังมีการดูแลรักษาในกลุ่มไม่มีสิทธิการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ในกองทุนสุขภาพต่างๆ การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในกลุ่มเฉพาะ การพัฒนาระบบการเฝ้าระวังการเกิดเชื้อดื้อยา และการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในคู่ผลเลือดต่าง และผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปีนี้โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์วันเอดส์โลกว่า “ทั่วถึง เท่าเทียม คือสิทธิมนุษยชน (Universal Access and Human Rights)” เพื่อให้ทั่วโลกเห็นความจำเป็นในการปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่ได้ร่วมกันในปฏิญญาว่าด้วยพันธกรณีเรื่องโรคเอดส์ปี 2544 และปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยเรื่องโรคเอดส์ ปีพ.ศ. 2549 และสนับสนุนให้ผู้ติดเชื้อ/ผู้ป่วยเอดส์เข้าถึงการป้องกัน ดูแล รักษา และเรียกร้องให้ทุกประเทศยกเลิกกฎหมายที่ทำให้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ สตรี และกลุ่มประชากรชายขอบ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขกำหนดจัดกิจกรรมรณรงค์พร้อมกันทั่วประเทศ ที่สำนักงานสาธารณสุขของแต่ละจังหวัด ในส่วนกรุงเทพฯ จัดที่บริเวณลานหน้าห้างโตคิว ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2552 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. – 21.00 น. มีการแสดงกึ่งทอล์คโชว์ของคุณเดย์ ฟรีแมน โชว์จากเยาวชนที่ชนะการประกวด แอนตี้ เอดส์ อะคาเดมี่ (Anti AIDS Academy) การแสดงนิทรรศการเรื่องเอดส์ โรคติดต่อทาง-เพศสัมพันธ์ วัณโรค ยาเสพติด แอลกอฮอล์ ให้บริการปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ ตรวจกลุ่มเลือดและซิฟิลิสฟรี ร่วมเล่นเกมส์ ตอบปัญหาชิงรางวัล และชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปิน ตู่ (ภพธร) และแบล็ควานิลา นอกจากนี้ กรมควบคุมโรค โดยสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้จัดทำโพลสำรวจขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมสำหรับชายไทย และขอเชิญมีส่วนร่วมได้ใน WWW. aidsthai .org ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะมีการแถลงผลสำรวจประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ในช่วงวันวาเลนไทน์ *********************************** 25 พฤศจิกายน 2552


   
   


View 11    25/11/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ