สาธารณสุข เตรียมความพร้อมการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ผลิตจากบริษัทซาโนฟี่พลาสเทอร์ ที่จะมาล็อตแรก 2 แสนโด๊สปลายเดือนธ.ค. 2552 จะฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า และประชาชนกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากป่วย เร่งให้ทุกจังหวัดสำรวจกลุ่มเป้าหมายให้ครบ เตรียมความพร้อมสถานที่ฉีด จัดระบบการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ ติดตามประเมินผล และศึกษาประสิทธิผลของวัคซีน
บ่ายวันนี้ (25พฤศจิกายน 2552) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานคณะกรรมการอำนวยการให้วัคซีน ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะทำงานทั้ง 6 คณะ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะทำงานชุดต่าง ๆ ในการเตรียมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประกอบด้วย คณะทำงานประสานงานโครงการฯ คณะทำงานด้านการเฝ้าระวัง สอบสวน และตอบสนองต่อกรณีเกิดอาการข้างเคียงภายหลังได้รับวัคซีน คณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์โครงการฯ และคณะทำงานด้านการติดตาม ประเมินผล โครงการฯ
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ขณะนี้ทั่วโลกมีความต้องการสูง แต่มีวัคซีนจำกัด สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข จัดหาวัคซีนสำหรับกลุ่มที่มีความจำเป็นและความเสี่ยงสูง ภายใต้ข้อจำกัดนี้ ได้สั่งจองจำนวน 2.8 ล้านโด๊ส เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย ไม่มีสารเสริมภูมิคุ้มกัน (Adjuvant) ผลิตจากบริษัทซาโนฟี่ พลาสเทอร์ (Sanofi Plasteur) ชื่อทางการค้าว่า พาเนนซา (Panenza) วัคซีนนี้ได้ขึ้นทะเบียนที่ประเทศฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 และเริ่มใช้ที่ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552 จะได้แน่นอน 2 ล้านโด๊ส ชุดแรกกำหนดส่งจำนวน 2 แสนโด๊สในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนธันวาคม 2552 ที่เหลือจะได้รับในเดือนมกราคม 2553 และเร่งขึ้นทะเบียนกับ อย.ให้เสร็จก่อนเริ่มให้วัคซีน
สำหรับด้านความปลอดภัยนั้น องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 ว่า ข้อมูลจาก 16 ประเทศที่มีให้วัคซีนแก่ประชาชนแล้วประมาณ 65 ล้านคน จากการติดตามผลพบว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่ใช้มานานกว่า 60 ปี
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แนะนำว่าควรให้วัคซีนแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ในสถานบริการสาธารณสุข ที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาพยาบาล และบริการผู้ป่วย ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ให้เป็นที่พึ่งด้านการดูแลรักษาพยาบาลตลอดช่วงการระบาด จำนวน 4 แสนคน และให้วัคซีนแก่กลุ่มเป้าหมายหลัก คือประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และป่วย เพื่อลดการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวนประมาณ 2.4 ล้านคน ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์อายุ ครรภ์ 3 เดือนขึ้นไป 800,000 คน 2.คนอ้วนน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัมหรือดัชนีมวลกายเกิน 35 กิโลกรัม/ตารางเมตร 123,000 คน 3.ผู้พิการทางสมองและปัญญา 104,000 คน และ4. ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 10 โรค 1,335,000 คน ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยโรคมะเร็งระหว่างได้รับยาเคมีบำบัด โรคธาลัสซีเมียรุนแรง ภูมิคุ้มกันผิดปกติ เบาหวานทั้งที่มีและไม่มีภาวะแทรกซ้อน รวมทั้ง 2 กลุ่ม มีทั้งสิ้น 2.8 ล้านคน
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อไปว่า ได้ให้ทุกจังหวัด เร่งสำรวจกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ครบถ้วนภายในกลางเดือนธันวาคม 2552 ซึ่งขณะนี้ได้รับข้อมูลแล้ว 51 จังหวัด รวมทั้งในกทม. ในการฉีดวัคซีนครั้งนี้ จะจัดคลินิกบริการเฉพาะในโรงพยาบาล หรือหน่วยบริการอื่น ๆ ที่มีแพทย์ประจำ และมีเครื่องมือช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน เช่น คลินิกฝากครรภ์ คลินิกเฉพาะโรค คลินิกโรคทั่วไป สำหรับผู้ที่ไม่ควรฉีดวัคซีนได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน ผู้ที่แพ้ไข่หรือสารเคมีอื่นในวัคซีน ผู้ที่เคยแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง คนที่มีไข้สูงให้เลื่อนฉีดวัคซีนออกไป
อย่างไรก็ตาม แม้วัคซีนนี้จะมีความปลอดภัยสูงเทียบเท่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ตามฤดูกาล กระทรวงสาธารณสุขจะเอาใจใส่การเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ ภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วย โดยจัดระบบเฝ้าระวังในสถานบริการทุกแห่ง จัดเอกสารคำแนะนำอาการผิดปกติ เช่น ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์จะแนบกับสมุดฝากครรภ์เมื่อไปรับบริการที่คลินิกฝากครรภ์ เตรียมเปิดสายด่วน 15 สาย ให้ประชาชนรายงานอาการผิดปกติและให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติตัว และจะศึกษาวิจัยผลข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้ง เตรียมแผนประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ความรู้ เกี่ยวกับการรับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่วงหน้า
*************************************** 25 พฤศจิกายน 2552
View 13
25/11/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ