รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบใบประกอบโรคศิลปะการแพทย์แผนจีนแก่ผู้มีความรู้และสอบผ่านตามเกณฑ์ปีพ.ศ.2552 จำนวน 106 ราย สร้างความมั่นใจผู้ใช้บริการแพทย์แผนจีน ได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย
วันนี้ ( 28 พฤศจิกายน 2552 ) ที่หอการค้าไทย-จีน ถนนสาทร กรุงเทพมหานคร นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการมอบหนังสืออนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีน แก่ผู้สอบผ่านในปีพ.ศ.2552 จำนวน 106 ราย ในงานสัมมนาส่งเสริมจรรยาบรรณวิชาชีพผู้ได้รับหนังสืออนุญาตประกอบโรคศิลปะแพทย์แผนจีน ให้มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ในการบริการประชาชนอย่างถูกต้องตามหลักวีชาชีพ
นายวิทยา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขออกกฎหมายกำหนดให้ การแพทย์แผนจีนเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะสาขาที่ 9 ตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 ซึ่งประกอบด้วยการนวดแผนจีน การฝังเข็มและการจับชีพจรและรักษาด้วยสมุนไพรหรือที่รู้จักกันว่าหมอแมะ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ได้กำหนดให้ผู้ที่ประกอบวิชาชีพทุกคนจะต้องมีความรู้และสอบใบประกอบโรคศิลปะตามหลักเกณฑ์ ซึ่งจะทำให้ประชาชนไทยที่ต้องการใช้แพทย์ทางเลือกในการดูแลรักษาฟื้นฟูสุขภาพ มั่นใจในการรับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานและปลอดภัย
ทั้งนี้เพื่อให้การแพทย์แผนจีนได้เป็นสาขาการแพทย์ทางเลือกที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพของประชาชนชาวไทย ควบคู่ไปกับการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกที่เหมาะสมอื่นๆ และในอนาคตการแพทย์แผนจีนในประเทศไทยจะมีความเข้มแข็งในมาตรฐานวิชาชีพตามมาตรฐานสากล ซึ่งกำหนดโดยสมาพันธ์การแพทย์แผนจีนโลก
ขณะที่การแพทย์ทางเลือก กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยประชาชนร้อยละ 80 ในประเทศที่พัฒนาแล้วนิยมใช้การแพทย์ทางเลือก โดยเฉพาะการฝังเข็ม ที่ยอมรับกันทั่วโลกว่าสามารถนำมารักษาโรคต่าง ๆ จำนวนมาก องค์การอนามัยโลกให้การยอมรับศาสตร์การฝังเข็มว่าสามารถใช้รักษาโรคต่างๆที่มีผลงานวิจัยรองรับ 28 โรค เช่น อาการปวดเข่า ปวดหลัง ปวดต้นคอ ปวดข้อ ไมเกรน ภาวะซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมอง นายวิทยากล่าว
ทางด้านนายแพทย์นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า การแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์การแพทย์ที่พัฒนามาจากประสบการณ์การรักษาโรคภัยต่างๆของชาวจีนที่สะสมมาเป็นเวลาหลายพันปี และเมื่อ 2,000 ปีก่อนได้มีการรวบรวมประสบการณ์การรักษาและทฤษฏีแพทย์แผนจีนยุคนั้นไว้ในหนังสือ ซึ่งเป็นรากฐานทฤษฏีแพทย์แผนจีนมาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเป็นกรประสานความร่วมมือในด้านการแพทย์และสาธารณสุขกับการแพทย์แผนจีนในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ และกำกับดูแลบุคคลที่ให้บริการโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีนทำการรักษาให้กับประชาชนในประเทศไทย ได้มีมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเปิดการเรียนการสอนในสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 และ พ.ศ.2552 ปัจจุบันมีผู้สอบผ่านได้รับหนังสืออนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยศาสตร์การแพทย์แผนจีนทั้งหมด 328 ราย
View 17
28/11/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ