กระทรวงสาธารณสุข เผยพร้อมเดินหน้างบไทยเข้มแข็งตามพระราชกำหนด โครงการเงินกู้ 11,515 ล้านบาท โดยดำเนินการตามรายการที่ได้รับการทบทวน ส่วนราคาก่อสร้างแฟลตพยาบาล ปลัด สธ.ได้สั่งการให้ใช้ราคาจัดซื้อจัดจ้างได้ในรอบ 3 ปี หาค่าเฉลี่ยและบวกเพิ่มค่าประกันความเสี่ยงร้อยละ 8 พร้อมนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการฯต่อไป
วันนี้ (4 ธันวาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ทนงสรรค์ สุธาธรรม รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2553-2555 ในส่วนของโครงการเงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้เสร็จ สามารถเดินหน้าต่อไปได้
นายแพทย์ไพจิตร์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า การประชุมร่วมคณะกรรมการฯ ในวันนี้ ได้ทบทวนรายการและราคา เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้ ประเด็นที่พูดคุยเกี่ยวข้องกับงบประมาณ 11,515 ล้านบาท ซึ่งได้รับเงินมาแล้วจะเดินหน้าอย่างไร โดยมี 2 ประเด็นคือ ในส่วนของรายการที่ทบทวนพบว่าไม่มีปัญหา ในส่วนของราคา ประเด็นที่เป็นปัญหาคือราคาก่อสร้างแฟลตพยาบาล 24 ห้อง มีความเห็นแตกต่างกัน ได้สั่งการให้ ใช้ราคาที่จัดซื้อจัดจ้างได้ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา นำมาหาค่าเฉลี่ยราคาที่ขอตั้งงบประมาณ เมื่ออุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นราคาจะทำไม่ได้ จึงบวกเพิ่มอีกร้อยละ 8 เพื่อประกันความเสี่ยง เช่นหากเกิดภาวะเงินเฟ้อ ก็จะประมาณราคาที่ 7.8 ล้านบาท ถือเป็นราคาที่เหมาะสม และจะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในสัปดาห์หน้าต่อไป
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ปัญหาและอุปสรรคในรายการและราคาของโครงการฯ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากต่อการเดินหน้าโครงการ อาจมีบางประเด็นที่เข้าใจไม่ตรงกัน การหารือในวันนี้น่าจะได้ข้อสรุปบางส่วน และขออนุมัติในส่วนที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะของบประมาณคืน หรือขอบางส่วนไปดำเนินการเอง ดังนั้นต้องหาข้อสรุปว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ ในส่วนเงินที่เหลือจะนำไปพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลอีก 20 แห่ง โดยจะจัดแพทย์ออกให้บริการด้วย เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค มีสุขภาพดีขึ้น และต้องการให้ประชาชนได้รับบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพมากขึ้น
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของของหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่ประชุมมีมติยืนยันการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินราคา 1.8 ล้านบาท โดยหากซื้อในราคานี้ต้องมีครุภัณฑ์เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุกหัวใจแบบอัตโนมัติด้วย ส่วนรถยนต์บรรทุกกระบะเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1 ตัน ที่ต่อเติมหลังคาไฟเบอร์กลาสพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ 63 คัน ราคาคันละ 669,800 บาท และส่วนของหน่วยงานบริหารคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ได้มีการทบทวนเรื่องการกระจายให้เหมาะสม ยกเลิกบางแห่งที่กระจุกตัว ปรับชื่อรายการเดิมที่มีความหลากหลายให้เหมือนกัน และทบทวนการก่อสร้างอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ชำรุดทรุดโทรม
**************************4 ธันวาคม 2552
View 14
04/12/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ