รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันเพียงมอบนโยบายให้ดำเนินการพัฒนาระบบงานสาธารณสุขในภาพรวม และยึดหลักกระจายอำนาจให้พื้นที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเองตามความต้องการ ให้ถูกต้องตามระเบียบพัสดุ โปร่งใส ตรวจสอบได้
เย็นวันนี้(8 ธันวาคม 2552)นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง ว่า ได้ให้ข้อเท็จจริงในกระบวนการทำงบประมาณ ตั้งแต่การมอบนโยบาย ซึ่งคณะกรรมการเชื่อว่าตนไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้ เป็นเพียงมอบนโยบายในการจัดทำคำของบประมาณ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข็มแข็ง 2555 วงเงินทั้งหมด 86,684 ล้านบาทเศษ มีเป้าหมายพัฒนางานสาธารณสุข 5 ด้านดังนี้ 1.โครงการพัฒนาสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2.การพัฒนาอาคารบริการ ที่พักบุคลากร โรงพยาบาลชุมชน ให้พร้อมในการทำงาน 3.โครงการพัฒนาอาคารบริการของโรงพยาบาล ศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป 4.โครงการผลิตบุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และ5.ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านต่างๆ
โดยการจัดซื้อจัดจ้างได้มอบนโยบายให้ผู้บริหารทราบตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ว่าให้ยึดหลักการกระจายอำนาจให้หน่วยงานที่ได้รับงบเป็นผู้ดำเนินการเอง ตามความต้องการของพื้นที่ และดำเนินการทุกขั้นตอนให้ถูกต้องตามระเบียบพัสดุ กรณีรถพยาบาลก็เช่นเดียวกัน ให้โรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่ได้รับงบประมาณดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเอง
นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้คณะกรรมการทบทวนความเหมาะสมรายการครุภัณฑ์และราคาของกระทรวงสาธารณสุข กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งรายการที่มีการปรับราคาลง เงินที่จะเหลือสำนักงบประมาณแจ้งว่าให้ส่งคืนสำนักงบประมาณทั้งหมด สำหรับการจัดซื้อเครื่องยูวีแฟนที่มีปัญหาขณะนี้ ยืนยันไม่เคยสั่งการให้จัดซื้อไม่ว่าจะเป็นด้วยวาจาหรือเอกสาร ซึ่งเอกสารที่ปรากฏทางสื่อก็เกิดขึ้นภายหลังที่ตนได้สั่งการให้ระงับการเปลี่ยนแปลงรายการครุภัณฑ์ต่างๆ จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ
การทำงานของโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขนั้นเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและอยู่ในกรอบของเงินที่ขอไป พร้อมที่จะให้ตรวจสอบการทำงานและการจัดซื้อจัดจ้างได้ทุกขั้นตอน และหากผลการสอบสวนของคณะกรรมการชุด นพ.บรรลุ ศิริพานิช ปรากฏว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย นายวิทยา กล่าว
..................................... 8 ธันวาคม 2552
View 13
08/12/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ