สาธารณสุขเตือนผู้ปกครองระวัง เด็กป่วยเป็นโรคปอดบวม ในหน้าหนาว ให้ดูแลใกล้ชิดในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ เด็กขาดสารอาหาร เด็กน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย เด็กที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ชี้หากป่วยอาจทำให้อาการรุนแรง สัญญาณอาการเตือนโรคปอดบวมที่ต้องรีบพบแพทย์ด่วน ได้แก่ ไข้สูง เด็กซึมลง ไม่กินน้ำไม่กินนม ไอ หายใจหอบเร็ว หายใจมีเสียงฮืดหรือเสียงหวีด หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ในปีนี้พบป่วยแล้วกว่า 50,000 ราย เสียชีวิตกว่า 47 ราย การป้องกันโรค ต้องรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย หลีกเลี่ยงการพาเด็กเข้าไปในสถานที่ชุมชนแออัด หรือบริเวณที่มีควันไฟ ควันบุหรี่
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากสภาพอากาศที่กำลังหนาวเย็นขณะนี้จะมีเด็กป่วยในช่วงนี้กันมาก โดยเฉพาะโรคติดเชื้อเฉียบพลันทางระบบหายใจในเด็ก ได้แก่ไข้หวัด คออักเสบ หูอักเสบ หลอดลมอักเสบ โรคที่รุนแรงที่ต้องระมัดระวังในเด็กก็คือโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก เป็นสาเหตุการตายสูงเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มโรคติดเชื้อทั้งหมด ในแต่ละปีมีเด็กเสียชีวิตจากโรคนี้กว่า 2 ล้านคน ดังนั้นจึงขอให้ผู้ปกครองระมัดระวังดูแลเด็กๆอย่างใกล้ชิดในช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะเด็ก 4 กลุ่ม ได้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เด็กที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย เด็กขาดสารอาหาร เด็กที่เป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หากป่วยเป็นโรคปอดบวม จะมีอันตรายมาก อาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าเด็กปกติทั่วไปมาก
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า สาเหตุของโรคปอดบวมในเด็กไทยเกือบครึ่งหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส ที่เหลือเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อย ได้แก่ สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) โดยเชื้ออาจทำให้ปอดอักเสบโดยตรงหรือเกิดแทรกซ้อนหลังจากที่ป่วยเป็นไข้หวัดก็ได้ ในเด็กที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรียมากกว่าไวรัส จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วประเทศ ในปี 2552 ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคม มีรายงานผู้ป่วยโรคปอดบวมทุกจังหวัดรวม 118,389 ราย เสียชีวิต 861 ราย โดยผู้ป่วยร้อยละ 43 หรือ 51,929 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิต 47 ราย
ทางด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หากเด็กเล็ก ไม่สบาย พ่อแม่ต้องสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กยังไม่สามารถบอกกล่าวอาการเจ็บป่วยของตนเองได้ และอาจมีโอกาสมีปอดบวมแทรกซ้อนได้ โดยวิธีการดูแลเด็กที่เป็นหวัด ขอให้ดื่มน้ำหรือนมบ่อยๆ ให้เด็กนอนพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ย่อยง่าย หากมีไข้ให้เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำธรรมดาและอาจให้กินยาลดไข้ประเภทพาราเซตามอล อาการไข้หวัดจะค่อยๆดีขึ้นและหายป่วยประมาณ 1สัปดาห์ แต่หากไม่ดีขึ้น โดยเด็กมีอาการซึมลง ไม่กินน้ำไม่กินนม มีอาการไข้สูง ไอ หายใจหอบเร็ว หายใจมีเสียงฮืดหรือเสียงหวีด หายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม ซึ่งเป็นสัญญานของอาการปอดบวม ให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อให้เด็กได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก อันตรายต่างๆจะน้อยลง
สำหรับการป้องกันโรคปอดบวมในช่วงฤดูหนาว ขอให้ผู้ปกครองดูแลความอบอุ่นให้เด็ก โดยสวมเสื้อผ้าหนาๆ หรือเสื้อกันหนาว หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กเข้าไปในบริเวณที่ชุมชนแออัดหรือมีควันไฟในบ้าน ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ซึ่งทำให้มีโอกาสเป็นหวัดได้ง่าย นอกจากนี้ สามารถเพิ่มภูมิต้านทานโรคตามธรรมชาติเด็กได้ โดยหญิงหลังคลอด ขอแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งภูมิต้านทานจากแม่จะส่งผ่านไปให้ลูกทางน้ำนม เด็กจะไม่เจ็บป่วยง่าย นายแพทย์มานิต กล่าว
************ 13 ธันวาคม 2552
View 16
13/12/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ