กระทรวงสาธารณสุข ลงนามความร่วมมือกับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พัฒนาระบบป้องกันและควบคุมมะเร็ง นำร่องที่ร้อยเอ็ด เริ่มมะเร็ง 2 กลุ่มได้แก่ ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ตับและท่อน้ำดี ในประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงในชุมชน ตั้งเป้า 10,000 ราย มั่นใจจะลดการเสียชีวิตได้ร้อยละ 40 วันนี้ (22 ธันวาคม 2552) ที่อาคารศูนย์ประชุม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กทม. นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศ.กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานบริหาร รพ.จุฬาภรณ์ และรองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายการแพทย์ นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือการพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมมะเร็ง ระหว่าง รพ.จุฬาภรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงตระหนักถึงผลกระทบของโรคมะเร็งต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ และทรงมีพระปณิธานช่วยเหลือคนไทยที่ทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งมาโดยตลอด ตามโครงการความร่วมมือครั้งนี้ นำร่องที่ร้อยเอ็ดเป็นจังหวัดแรกในประเทศ มีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่พ.ศ.2553 -พ.ศ.2557 เพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินงานก่อนขยายทั่วประเทศต่อไป ระยะแรกจะเน้นมะเร็ง 2 กลุ่ม ได้แก่มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งตับและท่อน้ำดี ซึ่งพบมากที่สุดในจังหวัดร้อยเอ็ดจนถึงปัจจุบัน โดย รพ.จุฬาภรณ์ ให้การสนับสนุนตรวจวินิจฉัย ตรวจทางพยาธิวิทยา ตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ การรับส่งต่อและรักษาผู้ป่วยมะเร็ง การพัฒนาบุคลากร การวิจัยและพัฒนาวิชาการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ดและรพ.ร้อยเอ็ด จัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันและควบคุมมะเร็ง การตรวจคัดกรอง พัฒนาระบบทะเบียนมะเร็งในพื้นที่ ส่วน สปสช. สนับสนุนการพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย ระบบบริการป้องกันและควบคุม และชุดสิทธิประโยชน์ ในการป้องกันและควบคุมมะเร็งดังกล่าว เน้นกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปและกลุ่มเสี่ยงในชุมชน เนื่องจากเป็นวัยที่พบป่วยเป็นมะเร็งมากที่สุด และผู้ที่เสี่ยง เช่นมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ หรือมีคนในครอบครัวป่วยโรคมะเร็ง ตั้งเป้า 10,000 คน โดยระดมบุคลากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด รพ.ร้อยเอ็ด และศัลยแพทย์รพ.จุฬาภรณ์ พร้อมอุปกรณ์ ตรวจอุจจาระหาเซลล์เม็ดเลือด หากพบผิดปกติจะตรวจยืนยันโดยการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และส่งตัวเข้ารักษาที่รพ.ร้อยเอ็ด และรพ.จุฬาภรณ์ มั่นใจว่าจะทำให้ผู้ป่วยที่ยังไม่รู้ตัว ได้รับการรักษาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่มะเร็งจะลุกลาม จะสามารถลดการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 40 นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมรพ.ร้อยเอ็ด เพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษามะเร็ง โดยการสนับสนุนจากกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดอบรมบุคลากร พัฒนาเทคโนโลยีในการป้องกันและควบคุมมะเร็ง และวิจัยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยมากเป็นอันดับ 1 ในปี 2550 มีจำนวน 53,434 ราย อันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งหลอดลม รองลงมาได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่ทวารหนักและมะเร็งหลอดอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สำหรับจังหวัดร้อยเอ็ด พบปัญหามะเร็งตับและท่อน้ำดี เป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งสูงเป็นอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในปี 2548 สูงถึง 7.6 ล้านคน คาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 11 ล้านคนในปี 2563 **************** 22 ธันวาคม 2552


   
   


View 14    22/12/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ