สธ. ประกาศปี 53 เป็นปีพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในรพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบล

สาธารณสุขประกาศให้ปี 2553 เป็นปีแห่งการพัฒนามาตรฐานงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล มีอสม.เป็นแกนเชื่อมความร่วมมือภาคประชาชน เพื่อลดโรค ลดป่วยคนไทย มั่นใจหากงานส่งเสริมสุขภาพเข้มแข็ง จะลดคนป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูงรายใหม่ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน วันนี้ (24 ธันวาคม 2552) ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้รับผิดชอบงานสุขภาพภาคประชาชน และประธานอสม.ระดับจังหวัด กว่า 300 คน พร้อมมอบนโยบายการทำงานด้านสุขภาพภาคประชาชนในปี 2553 นายวิทยากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศให้ปี 2553 เป็นปีแห่งการพัฒนามาตรฐานงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยเดิม ซึ่งในปี 2552 มีแล้ว 1,000 แห่ง ในปี 2553 จะเพิ่มอีก 1,000 แห่ง และจะดำเนินการครบทั่วประเทศ 9,810 แห่งในปี 2555 เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ ใกล้บ้าน และเน้นการทำงานเพื่อลดโรค ลดคนป่วย โดยเพิ่มการทำงานด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้มากขึ้น โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง และโรคติดต่อ ซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยเน้นให้ชุมชนเข้ามาจัดการสุขภาพของตนเองเพื่อปรับพฤติกรรมให้เป็นหมู่บ้านลดโรคก่อนและจะขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้นเป็นตำบล อำเภอ จังหวัดในที่สุด ในการทำงานดังกล่าว ได้ให้ อสม. ซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักคุ้นเคยของคนในพื้นที่ เป็นแกนประสานความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน ดูแลสุขภาพด้วยตนเอง และออกทำงานเชิงรุกในชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้องเหมาะสม นายวิทยากล่าวต่อว่า ในปีที่ผ่านมา อสม. ได้สำรวจและขึ้นทะเบียนกลุ่มตั้งครรภ์เด็ก และผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมทั้งออกค้นหาผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยขณะนี้พบผู้พิการ 592,783 ราย ผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 1.4 ล้านคน เป็นความดันโลหิตสูงประมาณ 2.2 ล้านคน เป็นทั้ง 2 โรค 635,850 คน ในกลุ่มที่ป่วยแล้วพบมีโรคแทรกซ้อนเกิดที่ตา ไต หัวใจ สมอง และเท้า ประมาณ 2 แสนคน และยังมีอีก 4.1 ล้านคน ที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงเพิ่ม หากไม่ดูแลรักษา ปรับแก้พฤติกรรมสุขภาพให้ถูกต้อง ฉะนั้นหากพัฒนางานส่งเสริมสุขภาพให้มีความเข้มแข็ง เชื่อว่าจะลดผู้ป่วยเบาหวานความดันโลหิตสูงรายใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านคน ส่วนผู้ที่ป่วยแล้วจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น จะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลลงได้มาก เพราะโรคเหล่านี้รักษายุ่งยากกว่า ด้านนายแพทย์นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ในปี 2553 นี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้พัฒนาจัดทำคู่มือมาตรฐานในการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ อบรม อสม.100,000 คน ทีอยู่ในพื้นที่ที่มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในการเฝ้าระวังสุขภาพในชุมชน และการสร้างเครือข่ายสุขภาพในชุมชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับชุมชน ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการค้นหาปัญหา จัดกิจกรรมแก้ไขปัญหา และการบริหารจัดการตามสภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่นชุมชนซึ่งมีความแตกต่างและหลากหลาย จะทำให้เกิดนวัตกรรมแก้ไข ป้องกันปัญหาสุขภาพเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ขัดแย้งกับวิถีชีวิตชุมชน ******************* 25 ธันวาคม 2552