กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบการเสียชีวิตลูกในครรภ์หลังฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 2 ราย ที่สตูล ขณะนี้รายตั้งครรภ์ 29 สัปดาห์อยู่ระหว่างให้ยาเร่งคลอด รายที่ 2 มีปัญหาเลือดออกในสมองจากหกล้ม ไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีน แพทย์ผ่าตัดช่วยชีวิตทั้งแม่และลูก ขณะนี้ดูแลใกล้ชิดในไอซียู ชี้การตายผิดปกติของเด็กในครรภ์ช่วงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ไม่มีความแตกต่างจากช่วงปกติเหมือนกันทั่วโลก ยังเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ทั้ง 5 กลุ่มเสี่ยงต่อไป เพื่อป้องกันการป่วยและเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยง
วันนี้ (28 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา ร่วมกันแถลงข่าวกรณีหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่โรงพยาบาลทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 หลังฉีดได้ 1-2 วัน ทารกในครรภ์เสียชีวิต ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ได้รับรายงานว่า รายที่ 1 เป็นหญิงอายุ 39 ปี ครรภ์ที่ 4 อายุครรภ์ 29 สัปดาห์ หลังจากฉีดวัคซีน 1 วัน แม่รู้สึกว่าเด็กดิ้นน้อยลง มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทุ่งหว้า และส่งต่อมายังโรงพยาบาลสตูลตรวจสอบพบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ยากระตุ้นเพื่อเร่งคลอด โดยครั้งที่ 1 ให้ยาเหน็บกระตุ้นการคลอดเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2553 วันนี้ได้ให้ยาซ้ำอีก ขณะนี้ผู้ป่วยยังไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ปากมดลูกยังไม่เปิด เย็นวันนี้วางแผนจะให้ยาเหน็บกระตุ้นครั้งที่ 3 หากยังไม่เจ็บครรภ์ปากมดลูกยังไม่เปิดก็จะวางแผนผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง ขณะนี้ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
รายที่ 2 เป็นหญิงอายุ 32 ปี ตั้งครรภ์ 33 สัปดาห์ ได้รับวัคซีนเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 หลังจากนั้น 1 วัน หกล้ม บาดเจ็บที่ศีรษะ ญาตินำส่งโรงพยาบาลทุ่งหว้า และส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ วันที่ 27 มกราคม 2553 มีประวัติครรภ์เป็นพิษและมีอาการชัก แพทย์ได้ทำการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ พบมีเลือดออกในสมอง จึงได้ทำการผ่าตัดสมองเพื่อช่วยชีวิตแม่ และผ่าตัดเอาเด็กออกทางหน้าท้องเพื่อช่วยชีวิตเด็ก ขณะนี้ทั้งแม่และเด็กอยู่ในห้องไอซียู แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเด็กเพศชาย น้ำหนัก 1800 กรัม ใส่เครื่องช่วยหายใจ ส่วนแม่ใส่เครื่องช่วยหายใจเช่นกัน สมองยังบวม ศัลยแพทย์ระบุว่าเหตุที่เลือดออกในสมองเกิดจากอุบัติเหตุหกล้ม ไม่ได้เกิดจากการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข กำลังเร่งตรวจสอบว่าหญิงมีครรภ์ที่มีความผิดปกติทั้ง 2รายดังกล่าวข้างต้น มีความเกี่ยวข้องกับการรับวัคซีนหรือไม่ มีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโดยละเอียด โดยกระทรวงสาธารณสุข ยังคงให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 แก่กลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ต่อไปตามแผนและแนวทางปฏิบัติที่กำหนด เพื่อประโยชน์ในการป้องกันการป่วยและการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว และเน้นในเรื่องความปลอดภัยของผู้รับวัคซีน เช่น การฉีดวัคซีนและเฝ้าระวังอาการ 30 นาที ในโรงพยาบาล หากบางรายมีอาการหลังฉีดวัคซีนก็จะสามารถดูแลได้โดยรวดเร็ว ในขณะเดียวกันได้จัดระบบการเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิด
จากการตรวจข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า ในขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังฉีดวัคซีนแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในประเทศของตน โดยกลุ่มเป้าหมายสำคัญกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เช่นเดียวกับในประเทศไทย ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังพบว่า เกิดความผิดปกติในหญิงมีครรภ์ เช่น การแท้ง และทารกตายในครรภ์ ภายหลังการฉีดวัคซีน อยู่ในระดับเดียวกันกับความผิดปกติที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปเมื่อไม่มีการฉีดวัคซีน
นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย ในแต่ละปี ช่วงที่ยังไม่มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จะพบความผิดปกติเกี่ยวกับการตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้ เช่น การแท้งจะพบร้อยละ 10 ของการตั้งครรภ์ และทารกตายในครรภ์ในอัตราประมาณ 6.75 ราย ต่อเด็กเกิดใหม่ 1,000 ราย ในแต่ละปี จะมีเด็กเกิดในประเทศประมาณ 8 แสนราย ดังนั้นจะมีการแท้งประมาณ 80,000 ราย มีเด็กตายคลอดประมาณ 3,375 ราย โดยในวันพรุ่งนี้ ได้เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยต่างๆ พร้อมด้วย แพทย์หญิงสุจิตรา นิมมานนิตย์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค มาประชุมที่กรมควบคุมโรค เพื่อร่วมกันแปลผลพิสูจน์ของผู้ที่มีปัญหาทุกราย และจะประชุมอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 2 และ 9 กุมภาพันธ์ 2553 จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมให้วัคซีน 2 ล้านโด๊ส เพื่อป้องกันการป่วยและการเสียชีวิตในกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ หากมีผู้รับบริการวัคซีนครบ คาดว่าจะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ 252,000 ราย ลดผู้ป่วยอาการหนักได้ 12,000 ราย และลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ 252 คน
ทางด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์มากกว่า 3 เดือนในประเทศไทยมีประมาณ 5 แสนคน กระทรวงสาธารณสุขยังยืนยันที่จะเชิญชวนให้มารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ดีกว่าเสี่ยงปล่อยให้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 กรณีที่เกิดขึ้นนี้ไม่ด่วนสรุป ต้องรอผลการตรวจจากพยาธิแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ
กระทรวงสาธารณสุข มีระบบการติดตามผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนอย่างเข้มแข็ง เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบคุณภาพวัคซีนที่ฉีดในโรงพยาบาลและสถานีอนามัย ถึงแม้จะผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วก็ตาม หากพบการฉีดล็อตไหนมีปัญหาจะสั่งให้งดฉีดทันที
***************************************** 28 มกราคม 2553
View 11
28/01/2553
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ