กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือนโรคลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดปอด (Pulmonary embolism)  แนะควรสังเกตความผิดปกติของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการขาบวมข้างใดข้างหนึ่ง ร่วมกับเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบมากกว่าปกติ  ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาต่อไป

                        นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ลิ่มเลือดอุดตันที่หลอดเลือดปอด
มีสาเหตุเกิดจากลิ่มเลือดที่เกิดจากการอุดตันหลอดเลือดดำที่ขาหลุดไปอุดตันเส้นเลือดแดงที่ปอด เนื่องจากเลือดดำบริเวณขาซึ่งเป็นหลอดเลือดส่งเลือดกลับเข้าสู่หัวใจข้างขวาและกลับไปฟอกที่ปอด เมื่อเกิดการอุดตัน ส่งผลให้ความสามารถในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ลดลง ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกหรือเหนื่อยหอบจากระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ปัจจัยที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดบริเวณขา คือ ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว หรือ หลอดเลือดดำได้รับบาดเจ็บหรือมีการอักเสบ และภาวะผิดปกติที่ทำให้เลือดแข็งตัวง่ายกว่าปกติ หรือเกิดจากการไหลเวียนของเลือดลดลง เช่น การนั่งเครื่องบินเป็นเวลานาน หรือได้รับการผ่าตัดทำให้ต้องนอนนิ่งเป็นเวลานาน การป่วยเป็นมะเร็งบางชนิด การใช้ยาบางประเภทเป็นระยะเวลานานต่อเนื่อง เช่น ยาฮอร์โมนคุมกำเนิด การใช้ฮอร์โมนทดแทนในการรักษาอาการหมดประจำเดือนในวัยทอง หรือโรคทางพันธุกรรม เป็นต้น

                        นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการของโรคในผู้ป่วยมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับขนาดและปริมาณของลิ่มเลือดที่อุดตัน หากลิ่มเลือดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยอาจจะไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยทำให้การวินิจฉัยทำได้ยาก แต่เมื่อมีการอุดตันหลอดเลือดที่ปอดมากขึ้นผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก และอาจมีไอเป็นเลือดจากการที่เนื้อปอดขาดเลือด และหากลิ่มเลือดมีขนาดใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยหอบมาก อาจมีอาการหน้ามืด ความดันต่ำ หรือหมดสติได้ อาการที่พบร่วมด้วย คือ อาการขาบวมข้างใดข้างหนึ่ง โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการขาบวมเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนมีอาการของลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด

    สำหรับแนวทางการรักษาแพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของอาการและอาการแสดง พร้อมทั้งหาสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมีสัญญาณชีพไม่คงที่ เช่น มีระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดต่ำ ความดันต่ำ หรือหมดสติ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการทำหัตถการสวนหัวใจเพื่อดูดลิ่มเลือดที่อุดตันที่หลอดเลือดปอด หรือให้ยาละลายลิ่มเลือดอย่างทันท่วงที เพื่อลดขนาดของลิ่มเลือด และเพื่อเปิดหลอดเลือดไปเลี้ยงปอด หากมีสัญญาณชีพคงที่แพทย์จะใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดในการรักษา โดยวิธีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดฉีดเข้าเลือดดำหรือใต้ผิวหนัง หรือให้ยารับประทานทานแล้วแต่กรณี

      การป้องกันที่สำคัญ คือการลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดลิ่มเลือด ควรมีการขยับร่างกายเปลี่ยนอิริยาบทบ่อยๆ ในกรณีที่ต้องนั่งนิ่งๆเป็นเวลานาน เช่นการนั่งเครื่องบินโดยสารที่ใช้ระยะเวลานาน ดื่มน้ำให้เพียงพอไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ หลีกเลี่ยงการใช้ยาฮอร์โมนคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานานในผู้หญิงอายุน้อย หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตนเอง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคได้ เช่น หากมีลักษณะอาการขาบวมข้างใดข้างหนึ่งอาจจะเป็นอาการแสดงของลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดดำที่ขา ห้ามบีบนวดเนื่องจากจะทำให้ลิ่มเลือดหลุดไปอุดตันหลอดเลือดที่ปอดได้มากขึ้น ถ้าเหนื่อยหอบกะทันหันมากผิดปกติ และมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา

****************************************************  -ขอขอบคุณ-18 ตุลาคม 2567

ตรวจสอบข้อมูลโดย : นายแพทย์กุลชาติ เอกภูมิมาศ

นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชกรรมสาขาอายุรกรรม

-ขอขอบคุณ- #ลิ่มเลือดอุดตันที่ปอด #สถาบันโรคทรวงอก #กรมการแพทย์




   


View 326    18/10/2567   ข่าวในรั้ว สธ.    กรมการแพทย์