สุดคึกคัก.! ชาวนครพนมกว่า 4.5 พัน สร้างประวัติศาสตร์-แสดงความจงรักภักดี ร่วม 'เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต เฉลิมพระเกียรติฯ' 2 สนาม อ.เมือง-นาหว้า

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567 นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดโครงการ "เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” สนามจังหวัดนครพนม โดยมีพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดร.ศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด และประชาชนชาวนครพนม ทุกกลุ่มวัยร่วมกิจกรรม กว่า 2,500 คน ณ จุดปล่อยตัวบริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม และสนามอำเภอนาหว้า โดยนายเศรษฐา เณรสุวรรณ นายอำเภอนาหว้า เป็นประธานเปิดโครงการฯ นายแพทย์ปรีดา วรหารนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม มอบหมายนายสมชาย แสนลัง รักษาการในตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขเชี่ยวชาญ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม (ด้านบริการทางวิชาการ) ร่วมพิธีฯ มีผู้ร่วมกิจกรรม 2,000 คนณ จุดปล่อยตัว โรงเรียนบ้านนาหว้า มี 2 ประเภทกิจกรรม ได้แก่ เดินระยะทาง 3.5 กิโลเมตร และปั่นจักรยาน ระยะทาง 35 กิโลเมตร 

       ณ บริเวณเวที ลานพญาศรีสัตตนาคราช อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เวลา 05.45 น. นางรณิดา เหลืองฐิติสกุลรองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เดินทางถึงบริเวณงาน เริ่มพิธีเปิดโครงการโดยถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ ประกอบพิธีเปิดกรวยถวายราชสักการะ ถวายความเคารพ กล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พร้อมถวายความเคารพโดยพร้อมเพรียงกัน กล่าวรายงานการจัดกิจกรรมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ โดยนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม โดยหลังกล่าวเปิดงานโครงการฯ ได้ร่วมกันบันทึกภาพ และประกอบพิธีปล่อยตัวผู้ร่วมกิจกรรมฯ ซึ่งจังหวัดนครพนม มี 3 ประเภทกิจกรรม ได้แก่ เดินระยะทาง 5 กิโลเมตร วิ่งระยะทาง 10 กิโลเมตร และปั่นจักรยาน ระยะทาง 25 กิโลเมตร

       นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า มีข้อมูลจากการศึกษาระบุว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดและหัวใจทั่วโลกประมาณ 16.7 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้เกิดจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 5.5 ล้านคน โดยกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคนี้เกิดในประเทศกำลังพัฒนา สำหรับประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 1,880 คน ต่อประชากรจำนวนหนึ่งแสนคน หรือร้อยละ 2 ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งในเพศหญิงและอันดับสามในเพศชาย นอกจากนั้นโรคนี้ยังมีอัตราความพิการสูง จากการศึกษาในประเทศไทยพบว่า ในผู้ป่วย 100 คน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จะเสียชีวิตร้อยละ 5 และพิการร้อยละ 70 ซึ่งนอกจากความพิการทางกายแล้ว ยังมีผลทำให้ความจำเสื่อมในภายหลังอีกด้วย จะอย่างไรก็ตาม โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 90 ถ้าสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลี่ยงความเสี่ยง และเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย

       การจัดโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติฯ สนามจังหวัดนครพนมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความจงรักภักดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการรักษาสุขภาพ และการออกกำลังกาย เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง  ด้วยการดำเนินงานเชิงรุกในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศและส่งเสริมให้มีกิจกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการรักษาและลดภาระของปัญหาโรคเรื้อรัง  โดยให้ประชาชนทั่วไป ทุกเพศ ทุกวัย และทุกหมู่เหล่า มีโอกาสออกกำลังกายอย่างง่าย เช่น การเดิน วิ่งหรือปั่นจักรยาน 

       อนึ่ง การจัดกิจกรรม “โครงการ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” จังหวัดนครพนม จัดขึ้น 2 สนาม คือ สนามอำเภอเมือง และสนามอำเภอนาหว้า รวมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรม 2 สนาม กว่า4,500 คน ประชาชนได้รับความรู้จากการจัดนิทรรศการให้ความรู้โรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 3,000 คน โดยไม่มีอุบัติเหตุรุนแรงในระหว่างการจัดกิจกรรม หลังเสร็จสินกิจกรรมพบว่าประชาชนมีความพึงพอใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแสดงความจงรักภักดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567