วันนี้ (30 มีนาคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ ถึงโครงการไทยเข้มแข็งว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการทบทวนโครงการที่นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบขยายเวลาในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ออกไปอีก 60 วัน จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ซึ่งหมายความว่ายังมีเวลาที่คณะกรรมการจะได้พิจารณาทบทวนการดำเนินการแต่ละโครงการให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข

นายจุรินทร์กล่าวว่า ส่วนกรณีการจัดซื้อรถพยาบาล เมื่อดูในรายละเอียดแล้ว พบว่าเป็นโครงการจัดซื้อรถพยาบาลในโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล แต่โครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดังกล่าวในรายละเอียดของตัวโครงการคือการจัดซื้อรถพยาบาลไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลชุมชน ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากต้องการให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สามารถเดินหน้าต่อไปอย่างมีศักยภาพมากขึ้น และสามารถยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลมากขึ้น ควรจะได้มีการทบทวนการจัดซื้อรถหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการทบทวนโครงการกำลังพิจารณาอยู่ หากมีความเห็นอย่างไร จะได้ดูกันต่อไปว่า หากนำไปใช้ในโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในลักษณะใด เป็นเรื่องที่คณะกรรมการทบทวนจะเป็นผู้พิจารณาเบื้องต้นก่อน

เป้าหมายที่ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขดูรายละเอียดนั้นคือ เร่งรัดการยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้เร็วขึ้นกว่าแผนงานเดิมที่กำหนดไว้ เนื่องจากแผนงานเดิมที่จะยกระดับปีละ 1,000 แห่งนั้น อาจจะไม่ทันกับความต้องการการรับบริการปฐมภูมิของประชาชน เพราะฉะนั้นขณะนี้มีสถานีอนามัยกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ เป็นไปได้หรือไม่ในปี 2553 จะยกระดับสถานีอนามัย 5,000 แห่ง และที่เหลือจะดำเนินการในปี 2554 ซึ่งหมายความว่าภายใน 2 ปี สถานีอนามัยทุกแห่งจะยกระดับเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งจะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับการพัฒนาบุคลากรด้วย

ขณะนี้ที่ต้องรอมีอยู่สำคัญเพียงประเด็นเดียว คือรอการกำหนดราคามาตรฐานสำนักงบประมาณเพื่อมาประกอบการทำโครงการ ที่ผ่านมากรรมการสอบข้อเท็จจริงชุดนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช ได้ตั้งข้อสังเกตว่าบางโครงการราคาที่ตั้งไว้อาจจะสูงเกินความจำเป็นในความรู้สึกของกรรมการที่สอบ เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นที่มาเพื่อให้ได้ข้อยุติและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ขอความร่วมมือจากสำนักงบประมาณให้ช่วยทำราคามาตรฐาน เพื่อที่จะปรับและทบทวนให้เป็นไปตามที่ราคาของสำนักงบประมาณกำหนด จะได้ไม่มีข้อสงสัยในอนาคต คาดว่าสำนักงบประมาณจะดำเนินการได้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์

สำหรับพระราชบัญญัติเงินกู้ คณะรัฐมนตรีเคยมีมติว่าให้ไปรวมกันกับงบประมาณปี 2554 โดยให้ทุกกระทรวงไปทบทวนงบประมาณปี 2554 ว่าโครงการต่างๆที่มีความจำเป็น ซึ่งระบุไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณเงินกู้อันไหนที่จำเป็น ให้ยกมาไว้ในงบประจำปี 2554 โดยกำหนดให้เสร็จภายในวันที่ 27 เมษายน 2553 ซึ่งคณะกรรมการทบทวนโครงการฯของกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาไปพร้อมกัน เพราะจะสอดคล้องกันไปทั้งหมดทั้งโครงการไทยเข้มแข็งในส่วนของพระราชกำหนด งบประมาณปี 2553 งบไทยเข้มแข็งพระราชบัญญัติ และงบประมาณปี 2554 จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และนโยบายทั้งหมด

                     ************************************ 30 มีนาคม 2553 


   
   


View 13       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ