จากกรณีที่มีข่าวที่จังหวัดพิษณุโลกว่า มีหญิงวัย 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 หมู่ 2 ตำบลท่าทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใช้สูตรผีบอก นำเนื้อสดแปะที่ดวงตา พร้อมท่องคาถากำกับรักษาต้อเนื้อ ต้อกระจก ม่านตาเบาหวาน ใช้เวลารักษารายละประมาณ 2 นาที พร้อมถ่ายทอดสูตรให้หลานสาววัย 13 ปี รักษาโรคต้อกระจก โดยใช้กะลาตาเดียว ให้ผู้ป่วยมองส่องดวงอาทิตย์และท่องคาถาตักเม็ดข้าวเปลือก อ้างรักษาหายขาด มีผู้ป่วยเดินทางมารักษาไม่ขาดสาย บางรายมาแล้ว 2-3 ครั้ง ค่ารักษาเป็นค่าครูตามศรัทธารายละ 20-30 บาท หรือ 100 บาท ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว วันนี้ (22 เมษายน 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีนี้แยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือกรณีการใช้เนื้อสดไปใช้แปะรักษาต้อเนื้อ ต้อกระจกที่ตา ซึ่งรักษาโดยหญิงวัย 66 ปีและส่วนที่ 2 การให้หลานใช้กะลาตาเดียวรักษาต้อกระจกเช่นกัน โดยให้เพ่งมองแสงอาทิตย์ผ่านรูที่กะลาตาเดียว ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ เป็นการกระทำผิดกฎหมายเพราะ เข้าข่ายการรักษาโรคโดยไม่ได้รับอนุญาต คือพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งผิดทั้งข้อหาตั้งสถานพยาบาล และการดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษทั้งจำคุก หรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า กรณีของการใช้เนื้อสดแปะที่ตานั้น โดยหลักการแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถใช้รักษาโรคตาต้อกระจกหรือต้อเนื้อได้ ในทางตรงกันข้ามอาจเป็นอันตรายต่อตาได้ จากการติดเชื้อที่ติดมากับชิ้นเนื้อที่ใช้ คล้ายกับการนำน้ำเจียรนัยเพชรไปหยอดตาตามที่เคยเป็นข่าว เป็นอุทาหรณ์ชัดเจนให้เห็นอยู่แล้ว จึงไม่ควรใช้การรักษาด้วยวิธีนี้ หรือการเพ่งมองแสงอาทิตย์ผ่านกะลาตาเดียวรักษาตาต้อกระจก ทางการแพทย์จะทำให้เกิดต้อกระจกมากขึ้นและอาจทำลายจอประสาทตา ขณะนี้ได้สั่งให้ระงับการดำเนินการแล้วและให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกติดตามเฝ้าระวังอย่าให้เปิดดำเนินการอีก และติดตามอาการผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีเหล่านี้ไปแล้ว นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ในการรักษาโรคต้อต่างๆ ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน เช่น ต้อเนื้อ สามารถลอกออกและสามารถมองเห็นได้ตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ต้อกระจกใช้วิธีสลายต้อ แล้วใส่เลนซ์แก้วตาเทียม ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ต้อหินรักษาโดยใช้ยาลดความดันหรือใช้เลเซอร์หรือผ่าตัด ม่านตาเบาหวานใช้วิธีรักษาด้วยเลเซอร์ ซึ่งการรักษาให้ผลดี จึงขอให้ประชาชนที่ป่วยเป็นโรคตาไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ด้านนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ดำเนินการตรวจสอบ พบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมาย มีโทษผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2542 มาตรา 30 ฐานประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต เข้าข่ายหมอเถื่อน ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาลพ.ศ.2541 ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ *********************************** 22 เมษายน 2553


   
   


View 13    22/04/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ