ที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงไทย “จุรินทร์” ให้ความมั่นใจรัฐบาลไทยพร้อมนำประเทศสู่ภาวะปกติสุขโดยเร็ว

บนมาตรการเป็นที่ยอมรับสากล และพร้อมก้าวเดินการสร้างสุขภาพดีแก่ประชาชนไทยอย่างไม่หยุดยั้ง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 63 ที่องค์การสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 17-18 พฤษภาคม 2553 ว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาแห่งสหัสวรรษที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพ” ซึ่งที่ประชุมได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศ อันจะมีผลต่อการพัฒนาสุขภาพประชาชนโดยรวมด้วย ซึ่งตนในฐานะเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยได้กล่าวย้ำให้ความมั่นใจต่อที่ประชุมว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น และจะพยายามนำประเทศให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด โดยอยู่บนพื้นฐานของการใช้มาตรการซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความเชื่อมั่นที่จะลงทุนพัฒนาสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการหลักๆ ดังนี้ 1.การจัดงบประมาณสาธารณสุขให้เพียงพอ แม้ว่าในปี 2552 จะมีวิกฤตการเงินแต่งบประมาณประจำปี 2553 ได้เพิ่มงบประมาณในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอีกร้อยละ 9 ในขณะที่งบประมาณรัฐบาลในภาพรวมทั้งประเทศลดลงถึงร้อยละ 12 โดยในปีงบประมาณ 2554 งบด้านสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ร้อยละ6 2.การขยายบริการด้านสุขภาพให้ครอบคลุมประชากรไร้รัฐซึ่งมีประมาณ 500,000 คน โดยเมื่อเดือนมีนาคม 2553 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบเพิ่มเติมอีก 14 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 427 ล้านบาท เพื่อให้การรักษาตามความจำเป็นแก่ประชากรกลุ่มดังกล่าว เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายที่จะให้สิทธิด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานแก่ประชากรทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ และ 3.ในปีงบประมาณ 2554 รัฐบาลจะลงทุนมากกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท เพื่อยกฐานะสถานีอนามัย 10,000 แห่ง ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ รวมถึงการปรับปรุงการรักษาพยาบาลขั้นทุติยภูมิ และตติยภูมิซึ่งเป็นบริการของโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลทั่วไป ทั้งนี้ บรรยากาศหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทยกล่าวถ้อยแถลงจบ ได้รับการปรบมือเสียงกึกก้องห้องประชุม ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการจากกระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกประมาณ 2,000 คน จาก 192 ประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลก ****************************** 18 พฤษภาคม 2553