เหลือคนสูบทั้งประเทศไม่เกิน 13 ล้านคน พร้อมผลักดันออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 20 ห้ามสูบบุหรี่ในอาคารสนามบิน 100 เปอร์เซ็นต์
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกประจำปี 2553 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า สาขาแจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี
นายจุรินทร์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันรณรงค์งดสูบบุหรี่โลก ซึ่งถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญที่ทั้งโลกตระหนักถึงความสำคัญของการงดสูบบุหรี่มากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะประเทศไทย ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ที่สำคัญองค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้ 2553 จะรณรงค์ภายใต้คำขวัญมุ่งเน้นผู้สูบที่เป็นผู้หญิงที่เป็นวัยรุ่น ที่มีแนวโน้มสูบบุหรี่มากขึ้น ของประเทศไทยรณรงค์ภายใต้คำขวัญหญิงไทยฉลาดไม่เป็นทาสบุหรี่ ขณะเดียวกันได้มีการประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับ ที่ 19 ซึ่งมีความสำคัญ เพราะได้จำกัดพื้นที่อนุญาตให้สูบบุหรี่เหลือน้อยลง โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 28 มิถุนายน 2553 ที่จะถึงนี้
กำหนดพื้นที่ไว้ 3 ประเภทคือประเภทที่ 1 ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด 100 เปอร์เซ็นต์ ประเภทที่ 2 กำหนดพื้นที่สูบภายนอกอาคาร ที่จัดไว้ให้เท่านั้น ประเภทที่ 3 อนุญาตให้สูบในอาคารได้ ภายใต้ประกาศฉบับนี้จะเหลือพื้นที่เดียวคือที่สนามบินสุวรรณภูมิ เฉพาะในส่วนต่างประเทศ ให้สูบได้ในห้องที่จัดไว้เท่านั้น ในอนาคตก็จะมีนโยบายห้ามสูบเช่นเดียวกัน ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 20 ต่อไป
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะปรับแผนควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ที่ตั้งเป้าปี 2554 -2557 โดยในปี 2557 จะรณรงค์ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งประเทศให้ได้อย่างน้อย 1 ล้าน 4 แสนคน โดยภายใน 4 ปี จะให้เหลือคนสูบบุหรี่ทั้งหญิงและชาย ไม่เกิน 13 ล้านคนทั่วประเทศ จากผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดทั้งชนิดมีควันและไม่มีควัน จำนวน 14.3 ล้านคน ซึ่งจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนหน้านี้
นายจุรินทร์กล่าวสาเหตุที่ผู้หญิงมีแนวโน้มสูบบุหรี่มากขึ้นว่า เป็นเพราะว่าบริษัทบุหรี่พยายามจะเจาะตลาดกลุ่มนี้ เนื่องผู้หญิงยังสูบบุหรี่น้อย ยังเหลือผู้หญิงที่ไม่สูบอีกเป็นจำนวนมาก จึงคิดว่าเป็นตลาดใหญ่ที่จะเจาะและแสวงหากำไรทางธุรกิจได้ เพราะผู้หญิงทั่งโลกสูบบุหรี่ 200 ล้านคนจากคนที่สูบบุหรี่ทั้งโลก1,000 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 20 เป็นช่องทางทางการตลาดที่ที่จะเจาะได้ จึงมีความพยายามที่จะผลิตบุหรี่ที่จะจูงใจให้ผู้หญิงสูบบุหรี่มากขึ้น เช่นทำเป็นมวนขนาดเล็ก ทำรูปแบบซองให้สวยงาม ดูดี ใส่กลิ่น ปรับรส แต่งกลิ่น เป็นต้น เราจึงต้องรณรงค์ให้เกิดความเข้าใจว่า เราต้องมีความฉลาดพอที่จะไม่ตกเป็นเป้าของตลาดบุหรี่
“ความจริงบุหรี่ไม่ได้เป็นอันตรายเฉพาะตัวผู้สูบเอง แต่ยังมีผลถึงคนรอบข้างรวมทั้งคนที่เรารักด้วย เพราะฉะนั้น หากเป็นไปได้ อยากให้ทุกคนเลิกสูบบุหรี่และหันมาทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ทำให้สุขภาพดี จะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะบุหรี่พิสูจน์แล้วทั้งโลกว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่ทำลายสุขภาพ ”นายจุรินทร์กล่าว
************************* 31 พฤษภาคม 2553