จากกรณีมีข่าวน.ส.จิตนา กันทำ ชาวจ.มหาสารคาม แจ้งความเพื่อเอาผิดกับแพทย์และพยาบาล ร.พ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม โดยวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้พาบุตรสาวไปรักษาที่รพ.ดังกล่าว เนื่องจากมีไข้สูง แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดและให้กลับบ้าน แต่บุตรสาวอาการไม่ดีขึ้น วันรุ่งขึ้นพาไปพบแพทย์อีก 2 ครั้งเพราะสงสัยว่าจะเป็นไข้เลือดออก และให้ทางรพ.เจาะเลือดตรวจ แพทย์ยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นไข้เลือดออก จนกระทั่งเกิดอาการช็อค ทางรพ.เชียงยืนจึงส่งไปรักษาที่รพ.ศูนย์ขอนแก่น และเสียชีวิตวันที่ 4 กรกฎาคม 2553

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ในวันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายผลในวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออก ซึ่งพบได้ทุกปี และ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยอยู่ที่จังหวัดในภาคใต้ ในปี 2553 นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 6 กรกฎาคม ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก 33,113 ราย เสียชีวิต 33 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงกว่าช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 60    จึงต้องมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ สาเหตุที่พบผู้ป่วยในปีนี้มากเนื่องจากยุงลายมีปริมาณมาก เพราะในฤดูหนาวที่ผ่านมา สภาพอากาศไม่หนาวเย็นมาก จึงทำให้ยุงลายเจริญเติบโตได้ดี
นายจุรินทร์กล่าวว่า หากพบผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง มีจุดแดงขึ้นตามตัว จะต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน ในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นที่สำคัญคือ อย่ากินยาแอสไพรินเพื่อลดไข้อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้มีเลือดออกมากขึ้น โดยได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ในการป้องกันโรคดังกล่าว ประชาชนจะต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกพื้นที่ ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายต่างๆที่มีน้ำขัง เช่นในโอ่ง ชาม กะลา จะต้องเทน้ำทิ้งหรือคว่ำไม่ให้มีน้ำขัง ซึ่งยุงลายจะชอบวางไข่ในแหล่งน้ำขังนิ่งและลูกน้ำเติบโตได้ดี  
ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความกระจ่างแก่สาธารณชนโดยเร็ว และให้ความช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้สูญเสียอย่างดีที่สุด เบื้องต้นได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงยืนว่า มารดาได้พาผู้เสียชีวิต อายุ 8 ปี ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงยืน ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2553 ด้วยอาการไข้สูงมา 2 วัน ไอ แพทย์สงสัยอาจเป็นไข้เลือดออก จึงทดสอบด้วยการรัดต้นแขน และไม่พบจุดเลือดออก จึงวินิจฉัยว่าเป็นหลอดลมอักเสบ ต่อมาในวันที่ 3 กรกฎาคม เด็กยังมีไข้ แพทย์จึงเจาะเลือดเพื่อดูความเข้มข้นของเลือด พบอยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากอาการของเด็กไม่ชัดเจนและเด็กอยู่ในเกณฑ์อ้วนน้ำหนักตัว 40 กว่ากิโลกรัม จึงทำให้การวินิจฉัยโรคและการรักษายากกว่ารายอื่น ๆ ซึ่งทางโรงพยาบาลรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ส่งเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการทำเรื่องขอรับการเยียวยาตามมาตรา 41แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม เร่งดำเนินการพิจารณาให้ได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
ด้านนายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงยืน กล่าวว่า วานนี้ ได้นำทีมเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพ พูดคุยทำความเข้าใจกับมารดาและญาติแล้ว และส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงควบคุมโรคที่บ้านของผู้เสียชีวิตและใกล้เคียง เพื่อทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย พ่นหมอกควันกำจัดยุงลายตัวแก่ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก และเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยเฉพาะโรคที่เป็นปัญหาของพื้นที่และโรคตามฤดูกาล เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความมั่นใจในการรับบริการ
 
****************************************** 7 กรกฎาคม 2553


   
   


View 19    07/07/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ