ปลัด สธ. ติดตามการดูแลรักษา “พระ-ผู้แสวงบุญ” ในดินแดนพุทธภูมิ จัดส่งทีมแพทย์ 6 รุ่น รวม 60 คน
- สำนักสารนิเทศ
- 16 View
- อ่านต่อ
พร้อมทำประชาพิจารณ์ถามความคิดเห็นจากประชาชน โดยเฉพาะประเด็นเด็กท้องในวัยเรียน ก่อนเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ และครม.
วันนี้ (12 กรกฎาคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ ว่า คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ได้จัดทำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว กฎหมายฉบับนี้มีความสอดคล้องใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในมาตรา 6 ที่ระบุว่า สุขภาพหญิงในด้านสุขภาพทางเพศ และสุขภาพของระบบเจริญพันธุ์ซึ่งมีความจำเพาะซับซ้อน และมีอิทธิพลของหญิงตลอดช่วงชีวิต ต้องได้รับการสร้างเสริมและคุ้มครองอย่างสอดคล้องและเหมาะสม 2.เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ระบุไว้ว่า คนไทยทุกเพศทุกวัย จะต้องมีอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ดี และ3.สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อตกลงที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ พ.ศ.2537 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ จึงจำเป็นต้องมีพ.ร.บ. คุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ ได้รับรองและคุ้มครองสิทธิให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ให้ได้รับบริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างเสมอภาค ทั่วถึง และมีคุณภาพ ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการของสถานพยาบาลทุกประเภท ทุกระดับ และทุกสังกัด ไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย หรือเอกชนก็ตาม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ หลักใหญ่คือ สถานบริการจะต้องมีหน้าที่ให้คำปรึกษา และให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ ขณะเดียวกันกฎหมายฉบับนี้จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไม่ปฏิบัติการใดๆ ที่เป็นการขัดขวางต่อการลาคลอด การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การไม่ล่วงละเมิดสิทธิหรือคุกคามทางเพศ รวมทั้งจะต้องให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือสตรีที่มีครรภ์ สตรีที่ไม่พร้อมมีบุตรหรือไม่พร้อมเลี้ยงดูบุตรเป็นต้น
ทั้งนี้ จะมีคณะกรรมการอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติหรือ กอช. 1 ชุด มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน ผู้ทรงคุณวุฒิ 14 คน และอธิบดีกรมอนามัยเป็นเลขานุการ เพื่อให้การรับรองสิทธิและการคุ้มครองสิทธิของประชาชนทุกเพศทุกวัยด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนกระทั่งเสียชีวิต