กระทรวงสาธารณสุข ออกร่างกฎกระทรวงควบคุมมาตรฐานคลินิกการแพทย์แผนจีน และมาตรฐานวิชาชีพเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ คาดจะประกาศใช้ในปีหน้า พร้อมเร่งพัฒนามาตรฐานการแพทย์แผนจีน ร่วมกับนานาชาติ ใน 7 เรื่อง อาทิ การทดสอบและควบคุมคุณภาพยาจากสมุนไพรมาตรฐานการให้บริการ ระบบบันทึกข้อมูล การรักษาและการติดตามผลฯ

          วันนี้ (14 กรกฎาคม 2553) ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพฯ  ดร. พรรณสิริ  กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีน ครั้งที่ 1 ซึ่งมีบุคลากรที่ให้บริการการแพทย์แผนจีนในระบบบริการสุขภาพไทย และนักวิชาการต่างๆ จำนวน 500 คนเข้าประชุม ว่า การแพทย์แผนจีนเป็นวิธีการรักษาโรคที่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก และได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นการดูแลสุขภาพที่ได้ผลดี โดยเฉพาะการฝังเข็มซึ่งสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ยังมีการตรวจรักษาด้วยสมุนไพรจีน และการนวดจีนหรือทุยหนา ขณะนี้ไทยมีแพทย์แผนปัจจุบันที่ผ่านการอบรมหลักสูตรฝังเข็มระยะสั้น จำนวน 1,200 คน มีแพทย์จีนที่ได้รับการอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะในไทย จำนวน 277 คน และมีสถานพยาบาลที่เปิดให้บริการดูแลรักษาสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน จำนวน 131 แห่ง ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
                 
                 
                 
          ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งควบคุมมาตรฐานคลินิกการแพทย์แผนจีน ขณะนี้ได้จัดทำร่างมาตรฐานสถานพยาบาลสาขาการแพทย์แผนจีน ภายใต้พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2542 โดยกำหนดให้คลินิกการแพทย์แผนจีน จะต้องมีเครื่องมือการตรวจวินิจฉัยให้เป็นไปตามมาตรฐานการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน มียาจีน เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นเพียงพอ มีอุปกรณ์การปรุงยาขั้นพื้นฐาน กรณีที่มีการนวดและฝังเข็ม ต้องมีจำนวนเตียงให้บริการสัดส่วนไม่เกิน 10 เตียงต่อผู้ให้บริการ 1 คน สถานที่ให้บริการต้องเปิดเผย ปลอดภัย โดยร่างดังกล่าวจะเสนอคณะกรรมการวิชาชีพสาขาการแพทย์แผนจีนเพื่อพิจารณา คาดว่าอาจจะประกาศใช้ในปีหน้านี้
          ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปว่า จะเร่งผลักดันการแพทย์แผนจีนเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีเพียงการฝังเข็มรักษาโรคโดยแพทย์แผนปัจจุบันในโรงพยาบาลรัฐเท่านั้นที่ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลได้ ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้เบิกครั้งละ 100 บาท จะเสนอให้เบิกได้ตามจ่ายจริง และให้ครอบคลุมถึงการใช้สมุนไพรและการนวดจีนได้ด้วย เพื่อให้ประชาชนที่ป่วยมีทางเลือกในการรักษาโรคมากขึ้น
                    
          ด้านแพทย์หญิงวิลาวัณย์ จึงประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในปีนี้ กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เข้าร่วมประชุมนานาชาติ เรื่องการพัฒนามาตรฐานการแพทย์แผนจีน ซึ่งจัดที่นครเซี่ยงไฮ้ ที่ประชุมได้มีการกำหนดทิศทางการจัดทำมาตรฐานการแพทย์แผนจีน 7 เรื่อง ได้แก่ 1. ศัพท์พื้นฐานทางการแพทย์แผนจีน 2. มาตรฐานการทดสอบและควบคุมคุณภาพยาจากสมุนไพร 3. มาตรฐานการตรวจวินิจฉัยโรค 4. มาตรฐานการศึกษาและฝึกอบรม 5. มาตรฐานการให้บริการ          6. มาตรฐานการควบคุมคุณภาพเทคนิคบริการ 7. มาตรฐานวัสดุครุภัณฑ์ โดยในส่วนของไทยขณะนี้ได้ทำตำราวิชาการแพทย์แผนจีนแล้ว 3 เรื่อง ได้แก่ ตำรับยาจีนที่ใช่บ่อยในประเทศไทย เล่ม 1-3 การฝังเข็ม รมยา เล่ม 1-2 และศาสตร์การแพทย์แผนจีนเบื้องต้น
          นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาระบบเวชระเบียนบันทึกข้อมูลผู้ป่วยที่ใช้บริการการแพทย์แผนจีนตามมาตรฐานรหัสโรคสากล ซึ่งขณะนี้จีนได้ทดลองใช้ที่โรงพยาบาลสู่กวง นครเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งการติดตามข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์จากการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนทั้งยา การฝังเข็ม และการนวดจีน ตลอดจนจัดทำคู่มือแนวทางการรักษาโรคโดยแพทย์แผนจีน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2554
********************* 14  กรกฎาคม  2553


   
   


View 9       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ