รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง เข้มมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจ ทั้งผู้ป่วยและญาติ แนะนำล้างมือบ่อยๆ อย่าคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยมาก เตรียมเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคหรือสบู่ล้างมือ หน้ากากอนามัย แจกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
จากกรณีที่หญิงท้องอายุครรภ์ 4 เดือน ชาวตำบลแหลมสอบ จังหวัดตรัง ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมลูกสาวอายุ 3 ขวบ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลย่านตาขาว ตั้งแต่ 7 กรกฎาคม 2553 และถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลตรัง ซึ่งลูกสาวแพทย์ได้รักษาจนหายเป็นปกติแล้ว แต่แม่ที่ตั้งครรภ์ มีอาการโคม่า และมีไข้สูง ทีมแพทย์ให้ยาทามิฟลูและดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หญิงท้องได้เสียชีวิตในวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 นั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันนี้ (23 กรกฎาคม 2553) ดร. พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆไม่มีผู้เสียชีวิตติดต่อกันในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ตั้งแต่ 1 มกราคม – 10 กรกฎาคม2553 มีผู้ป่วยยืนยัน 6,977 ราย เสียชีวิต 34 ราย และพบว่าขณะนี้ประชาชนลดความกังวล ทำให้ละเลย และไม่ปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคอย่างจริงจัง จึงติดเชื้ออาจทำให้เสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพร่างกายของแต่ละคนมีความแข็งแรงหรือภูมิต้านทานโรคแตกต่างกันโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์อาจมีโรคแทรกซ้อนรุนแรงกว่าคนทั่วไป
ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อไปว่า ได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง เข้มมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจ ทั้งผู้ป่วยและญาติที่มาเฝ้า ขอให้เจ้าหน้าที่แนะนำการปฏิบัติตัว พยายามอย่าคลุกคลี ใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากนัก และเตรียมเจลล้างมือฆ่าเชื้อโรคหรือสบู่ล้างมือ หน้ากากอนามัย ไว้บริการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ที่สำคัญคือ ขณะนี้เป็นฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ที่มีหลายสายพันธุ์ ในปีนี้มี 3 สายพันธุ์หลัก คือชนิดเอ เอช1เอ็น1 ชนิดเอ เอช3เอ็น2 และชนิดบี จึงขอให้ประชาชนดูแลร่างกายให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงไม่ตากฝน ทำร่างกายให้อบอุ่น ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3-5 วันอย่างน้อยวันละ 30 นาที กินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่เพิ่มผักผลไม้ หลีกเลี่ยงบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมง และดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานในการต่อสู้กับเชื้อโรค
ดร.พรรณสิริกล่าวอีกว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลซึ่งเป็นวัคซีนรวมป้องกันได้ 3สายพันธุ์ครอบคลุมทั้งไข้หวัดใหญ่ 2009 ไข้หวัดใหญ่ชนิดบีและไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 3เอ็น 2 โดยฉีดให้กับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด 7กลุ่มได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกินกว่า 7เดือน 2.ผู้ที่อ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100กิโลกรัม 3.ผู้พิการทางสมอง 4.ประชาชนอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่เป็นโรคเรื้อรัง 10โรค 5.ผู้สูงอายุเกินกว่า 65ปีขึ้นไป6.เด็กอายุตั้งแต่ 6เดือน -2ปี และ7. บุคลากรสาธารณสุขและผู้มีหน้าที่กำจัดซากสัตว์ปีก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเตรียมวัคซีนไว้ทั้งหมด 2.1 ล้านโด๊ส บริการฟรีที่โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ และโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการสป.สช.เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม 2553จนถึง 31ตุลาคม 2553หากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่โทรศัพท์ 02 – 590 3333 โดยตั้งแต่วันที่ 1 -16 กรกฎาคม ฉีดไปแล้ว 32,241 คนเป็นบุคลากรสาธารณสุข 17,615 คน และประชาชนกลุ่มเสี่ยง 14,626 คน
********************************** 23 กรกฎาคม 2553