รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้หากประชาชนเลิกดื่มเหล้า 1 วันจะสามารถลดความสูญเสียให้ประเทศได้วันละกว่า 540 ล้านบาท หากเลิกเหล้าได้ใน 3 เดือนสุขภาพกายและสุขภาพใจแข็งแรงสมบูรณ์ มีเงินเหลือเก็บใช้อย่างพอเพียง ครอบครัวอบอุ่น มีเวลาให้กันมากขึ้น วันนี้ (26 กรกฎาคม 2553) ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดรณรงค์วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2553ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษา เพื่อสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมค่านิยมของคนไทยให้เป็นแบบอย่างที่ดี โดยเฉพาะเยาวชน และเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีสติสัมปชัญญะในการครองตน ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติตนตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรมอันดี ห่างไกลจากสิ่งเสพติดอบายมุขต่างๆได้ ดร.พรรณสิริกล่าวว่า จากการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในการรณรงค์งดดื่มสุรา โดยกำหนดให้วันเข้าพรรษาเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ เพื่อเป็นการละเว้นอบายมุข รักษาและส่งเสริมสุขภาพในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา นับเป็นการสร้างแนวร่วมในสังคมที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและสำคัญที่จะทำให้คนไทย โดยเฉพาะบุคคลในครอบครัวที่จะลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง ผลจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต และเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิตจำนวนมาก มีการคาดประมาณว่าผลกระทบโดยรวมจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย ก่อให้เกิดความสูญเสียในด้านต่างๆ สูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท ดังนั้นหากเลิกดื่มเหล้า 1 วันจะสามารถลดความสูญเสียของประเทศลงได้กว่า 540 ล้านบาท ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข มีพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดร.พรรณสิริ กล่าวต่อไปว่า ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2550 พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มมึนเมาเกือบ 15 ล้านคน เป็นชายมากกว่าหญิง 6 เท่าตัว โดยมีผู้หญิงดื่ม 2 ล้าน 3 แสนกว่าคน ผู้ที่ดื่มอยู่ในเขตชนบทสูงกว่าเขตเมืองประมาณ 2 เท่าตัว กลุ่มวัยทำงานอายุ 25-59 ปีดื่มมากที่สุด 11 ล้าน 5 แสนคน รองลงมาคือ วัยรุ่นอายุ 15-24 ปี 2 ล้าน 3 แสนคน และผู้สูงอายุดื่ม 1 ล้าน 1 แสนคน โดยมีผู้ติดสุราต้องดื่มทุกวันประมาณ 6 แสนคน อนาคตของคนติดเหล้าส่วนใหญ่จะมีผลเสียทั้งสุขภาพและสังคม เช่น บางรายเกิดอุบัติเหตุ จนพิการหรือเสียชีวิต หากดื่มแล้วขาดสติจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์และกามโรค เกิดความรุนแรงในครอบครัวและผู้อื่น เป็นโรคต่างๆ ทั้งโรคทางระบบจิตประสาท โรคหัวใจ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ตับอักเสบ พิษสุราเรื้อรัง กระเพาะอักเสบ มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น ดังนั้นในช่วง 3 เดือนเข้าพรรษานี้ หากสามารถงดเหล้าได้ จะมีผลดีทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง ทำให้มีเงินมากขึ้น หากใครที่เคยดื่มมากและอดได้ก็จะประหยัดเงินได้มาก ไม่มีอาการจากสุรา เช่น เมาค้าง ทำให้สมาธิดี สมองแจ่มใส อัตราเสี่ยงต่ออุบัติเหตุลดลง ครอบครัวอบอุ่น เพศสัมพันธ์ดีขึ้น ในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และหยุดดื่มเหล้า ลูกจะมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น ดร.พรรณสิริ กล่าว **************26 กรกฎาคม 2553


   
   


View 16    26/07/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ