สาธารณสุข เร่งรณรงค์สร้างเสริมพฤติกรรมในกลุ่มเด็กนักเรียน ให้กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่แพร่ระบาดมากในฤดูฝน 2 โรคสำคัญคือไข้หวัดใหญ่และโรคมือเท้าปาก สั่งสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดจับตาอย่างใกล้ชิด ชี้หากในโรงเรียนมีเด็กป่วย โรคอาจแพร่ได้ง่าย ขอความร่วมมือครูหากพบเด็กป่วย ต้องรีบแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ ส่งพบแพทย์ และหยุดเรียนอย่างน้อย 5 วัน จนกว่าจะหาย

บ่ายวันนี้ (10 สิงหาคม 2553) ที่โรงเรียนอนุราชประสิทธิ์ อ.เมือง จ.นนทบุรี ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดรณรงค์ส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคติดต่ออุบัติใหม่ในนักเรียน ส่งเสริมให้นักเรียนมีความตระหนักและปฏิบัติตนอย่างถูกต้องในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ    

ดร.พรรณสิริกล่าวว่า ขณะนี้เป็นฤดูฝน เป็นฤดูกาลที่มีการแพร่ระบาดของที่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งชอบสภาพอากาศชื้น เย็น ที่สำคัญก็คือ โรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ขณะนี้พบผู้ป่วยมากขึ้น โดยจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบในปีนี้ร้อยละ 26 เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ที่เหลืออีกร้อยละ 11 เป็นเด็กอายุ 6 ปี ขึ้นไป และที่พบมากอีกโรคหนึ่งก็คือโรคมือเท้าปาก โดยร้อยละ 89 ของผู้ป่วยมีอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งโรงเรียนเป็นสถานที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เนื่องจากเด็กอยู่รวมเป็นกลุ่มใหญ่ หากมีเด็กป่วยด้วยโรคดังกล่าวเชื้อจะสามารถแพร่ได้อย่างรวดเร็ว โดยเชื้อโรคทั้ง 2 ชนิดนี้ติดต่อกันง่าย เชื้อจะอยู่ในเสมหะละอองน้ำมูกน้ำลายที่ไอจามออกมา รวมทั้งติดต่อจากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อติดอยู่  จึงต้องรณรงค์ปลูกฝังพฤติกรรมให้เด็กรู้จักวิธีการป้องกัน    

ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า  ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิด และรณรงค์ให้โรงเรียนต่างๆ เกิดการตื่นตัวและตระหนักตลอดเวลา ขอความร่วมมือครูให้ตรวจสุขภาพเด็กนักเรียนทุกวัน โดยหากมีเด็กป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคมือเท้าปาก ให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ ส่งพบแพทย์ และให้หยุดเรียน พักรักษาตัวที่บ้านอย่างน้อย 5 วัน 

          ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปว่า โครงการรณรงค์ส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคในเด็กนักเรียน เป็นการให้ความรู้และสร้างพฤติกรรมการป้องกันโรคด้วยตนเอง นอกเหนือจากวัคซีน ได้แก่ การกินร้อน เลือกกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลางเมื่อกินอาหารร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ผู้ที่เป็นหวัด ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หรือใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเวลาไอ-จาม เพื่อป้องกันเชื้อแพร่กระจายสู่คนอื่น ให้ล้างมือบ่อยๆหลังสัมผัสสิ่งของ หากเด็กมีพฤติกรรมเหล่านี้ติดตัว มั่นใจจำนวนผู้ป่วยจะลดลง และมุ่งหวังว่าเด็กจะเป็นสื่อกลางนำพฤติกรรมการป้องกันโรคที่ถูกต้องไปขยายผลต่อที่บ้านและผู้ใกล้ชิดต่อไป  

ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) และโรคมือเท้าปาก (Hand Foot Mouth Disease : HFMD) มีอาการคล้ายกันคือเริ่มจากมีไข้สูง ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่โรคมือเท้าปากจะพบมีตุ่มใสๆขึ้นในปาก ที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือตามง่ามนิ้วมือ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 ถึง 31 กรกฎาคม 2553 มีผู้ป่วย 38,006 ราย เสียชีวิต 38 ราย พบผู้ป่วยในภาคกลางสูงที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ ส่วนโรคมือเท้าปาก ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 ถึง 1 สิงหาคม 2553 พบผู้ป่วย 9,233 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต  พบทุกอายุ แต่มากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบภาคกลางมากที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ   

*************************** 10 สิงหาคม 2553



   
   


View 9    10/08/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ