ปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการให้ทุกจังหวัดเข้มข้นการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ 2009 ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 34 จังหวัดที่พบผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่มากขึ้น จำนวนผู้ป่วยปีนี้ตั้งแต่เดือนมกราคม–14 สิงหาคม 2553 มีผู้ป่วยยืนยัน 7,515 ราย เสียชีวิต 50 ราย แนะประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาล ฟรี

วันนี้ (20 สิงหาคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่พบการระบาดระลอกแรกเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2552 จนสิ้นสุดระลอกแรก มีผู้ป่วยยืนยันทั้งสิ้น 30,336
ราย เสียชีวิต 197 ราย และเริ่มพบการระบาดระลอก 2 ต้นมกราคมถึงเมษายน 2553 และตั้งแต่มกราคม – 14 สิงหาคม 2553 มีรายงานผู้ป่วยยืนยันสะสม 7,515 ราย เสียชีวิต 50 ราย โดยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2553 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าโรคนี้สิ้นสุดการระบาดแล้ว จำนวนผู้ป่วยยังมีอยู่แต่จะไม่ระบาดมากกระจายไปทั่วโลก โดยจะระบาดร่วมกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่นๆเป็นไข้หวัดตามฤดูกาล และแนะนำให้ทุกประเทศ คงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคไว้อย่างเข้มแข็ง ในส่วนประเทศไทย ได้มีการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีบางจังหวัดที่พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ได้ทำหนังสือสั่งการให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในจุดที่มีการระบาดเป็นกลุ่มให้ส่งทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วลงควบคุมโรคโดยเร็ว
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในเย็นวันนี้จะประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด 34 จังหวัดที่มีผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี จันทบุรี ตราด สระแก้ว ระยอง ฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา ลำพูน แพร่ เชียงราย นครศรีธรรมราช ภูเก็ต พังงา ตรัง และสงขลา เพื่อทบทวนและเร่งรัดมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันควบคุมโรคให้ได้ผล เนื่องจากขณะนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ จากการเฝ้าระวังเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่และผู้ป่วยปอดบวมในปี 2553 พบว่าร้อยละ 36 เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ในจำนวนนี้ เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ร้อยละ 25 เป็นชนิดบีร้อยละ 8 และเป็นชนิดเอ เอช 3 เอ็น 2 ร้อยละ 3  
          อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน ให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองไม่ให้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยใช้หลักกินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ ปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเป็นหวัด และหยุดงานพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายป่วย และขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงทั้ง 7 กลุ่มให้ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ซึ่งสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดอยู่ขณะนี้ 3 สายพันธุ์ ที่โรงพยาบาลภาครัฐทุกแห่ง ทั่วประเทศ ฟรี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเตรียมไว้ 2.1 ล้านโด๊ส บริการฉีดตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2553
ผลการฉีดตั้งแต่ 1 กรกฎาคม -13 สิงหาคม 2553 มีผู้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 302,056 คน ประกอบด้วย บุคลากรสาธารณสุข 107,230 คน หญิงตั้งครรภ์ 1,085 คน ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม 3,240 คน ผู้พิการทางสมอง 690 คน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 144,057 คน ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 26,768 คน เด็กอายุ 6 เดือน-2 ปี 3,170 คน และอื่น ๆ 15,809 คน 
 ******************************    20 สิงหาคม 2553


   
   


View 11    20/08/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ