ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับนายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด ติดตามแก้ไขปัญหาขาดไอโอดีน 2 กลุ่มเสี่ยงใกล้ชิด จัดระบบจ่ายยาเม็ดไอโอดีนไปถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือสถานีอนามัยทุกแห่ง โดยกระทรวงสาธารณสุขจะแจกยาเม็ดไอโอดีนให้หญิงตั้งครรภ์รายเก่าฟรีพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ประชุมรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขตและสาธารณสุขนิเทศก์ เพื่อเร่งรัดการปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คือเรื่องการเพิ่มสารไอโอดีน ให้ประชาชนได้รับอย่างเพียงพอได้แก่กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ทุกคน กลุ่มเด็กแรกเกิดทุกคนซึ่งถือเป็น 2 กลุ่มเสี่ยงสำคัญ เพื่อพัฒนาไอคิวและการเจริญเติบโตของเด็กอย่างสมวัย ได้ตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมทุกสิทธิสวัสดิการฟรี ส่วนในกลุ่มประชาชนทั่วไป ใช้ยุทธศาสตร์เกลือเสริมไอโอดีนถ้วนหน้า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข 4 ฉบับ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 บังคับให้ผลิตภัณฑ์ 4 ชนิด ได้แก่ น้ำเกลือปรุงอาหาร น้ำปลา เกลือบริโภค และผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จากการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง ได้แก่ซอส ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว ที่จำหน่ายในประเทศ ต้องเติมสารไอโอดีน ซึ่งประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ปลายปี 2553 นี้
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในการจัดระบบให้บริการแจกยาเม็ดไอโอดีน ซึ่งเป็นยาเม็ดเสริมสารอาหารสำคัญที่มีส่วนประกอบของไอโอดีน โฟเลต และธาตุเหล็ก ให้กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ที่มีปีละ 800,000 คน ได้เริ่มให้บริการหญิงฝากครรภ์รายใหม่ทั่วประเทศแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นมา ส่วนหญิงฝากครรภ์รายเก่า จะเริ่มแจกพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ ( 15 ตุลาคม 2553 )เป็นต้นไป ในโรงพยาบาลภาครัฐทุกแห่ง รวมทั้งที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพและสถานีอนามัยทุกแห่ง ให้กินวันละ 1 เม็ด
ทั้งนี้ในการแก้ไขป้องกันปัญหาการขาดสารไอโอดีน ได้มอบนโยบายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง ติดตามกำกับ 4 เรื่อง ได้แก่ 1. ดำเนินการแจ้งมาตรการควบคุมมาตรฐานไอโอดีนในผลิตภัณฑ์ 4 ชนิดให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้ปรับปรุงระบบการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน 2.ให้อสม.และอย.น้อยสุ่มตรวจคุณภาพเกลือบริโภคที่เสริมไอโอดีนในครัวเรือน ในพื้นที่อำเภอละ 300 ครัวเรือน รวมทั้งร้านค้าในหมู่บ้าน ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน ปีละ 2 ครั้ง คือเดือนธันวาคม 2553 และเดือนมิถุนายน 2554 อย่างต่อเนื่อง 3. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง ตรวจระดับไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนได้รับไอโอดีนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ และ 4. ติดตามผลการเจาะเลือดเด็กแรกเกิดทุกราย เพื่อประเมินระดับฮอร์โมนกระตุ้นต่อมธัยรอยด์ในเด็กแรกเกิด เพื่อให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึง 2 ขวบ หากขาดสารไอโอดีน จะทำให้สมองเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ลดความเฉลียวฉลาดหรือระดับไอคิว ของเด็กได้ถึง 10-15 จุด
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อไปว่า สำหรับจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เช่นแม่ฮ่องสอน กระทรวงสาธารณสุขจะใช้วิธีเสริมไอโอดีนในน้ำดื่มตามโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยใช้สารละลายไอโอดีนเข้มข้น 2 หยด ในน้ำดื่ม 10 ลิตร ซึ่งจะทำให้เด็กทุกคนไม่มีปัญหาขาดสารไอโอดีน
************* 15 ตุลาคม 2553
View 13
15/10/2553
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ