วันนี้(28 ตุลาคม 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกา(US-ASEAN Business Council : USABC) เข้าเยี่ยมคารวะที่กระทรวงสาธารณสุขจ.นนทบุรีว่า การเข้าพบครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ประสานงานมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขออนุญาตให้เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นำคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีประเด็นสำคัญคือ สภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯอยากเห็นความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐในประเด็นที่มีความก้าวหน้าและความร่วมมือที่ดีเช่นที่ผ่านมา

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ได้มีการหารือในรายละเอียดคือ เรื่องยาผิดกฎหมาย ได้แจ้งให้ทราบว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายชัดเจน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ติดตามจับกุม ดำเนินคดี ถือเป็นนโยบายสำคัญตั้งแต่เข้ามารับหน้าที่ ได้มีการดำเนินการอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องและไปไกลถึงขั้นมีรางวัลนำจับ ซึ่งได้รับการชื่นชมจากเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ และคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ

            

            

ประเด็นที่ 2 คือทางสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับสิทธิพิเศษขององค์การเภสัชกรรม ในการจำหน่ายยาให้กับหน่วยราชการ ซึ่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งให้ทราบว่า ข้อเท็จจริงการแข่งขันในตลาดยาที่ขายให้กับโรงพยาบาลนั้น ทุกฝ่ายเข้าร่วมแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน หรือองค์การเภสัชกรรม ไม่มีการปิดกั้นการแข่งขัน สามารถแข่งขันได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในการจัดซื้อยา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ส่วนแบ่งการตลาดขององค์การเภสัชกรรมมีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น โดยประเด็นหลักสหรัฐฯอยากให้คนไทยเข้าถึงยาที่มีคุณภาพ และไม่มีการพูดถึงเหล้าบุหรี่แต่อย่างใดทั้งสิ้น

นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่กระทรวงสาธารณสุขและสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐฯ มีความเห็นสอดคล้องกัน คือต้องการเห็นความร่วมมือที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้คือการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐอเมริกาด้านการควบคุมโรค ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศไทยและสหรัฐฯอยู่ที่แอตแลนต้า ได้เรียนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯให้ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนในเรื่องนี้ และต้องการให้ความร่วมมือนี้ได้ดำเนินการต่อไป

ทางด้าน นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ไทยมีความร่วมมือกับประเทศสหรัฐฯมานานกว่า 20 ปี   ผลงานหลัก ๆ เป็นความร่วมมือด้านวิชาการ มีการฝึกอบรมนักระบาดวิทยา ซึ่งขณะนี้ไทยมีความเข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือประเทศข้างเคียงและองค์การอนามัยโลก ในการเป็นศูนย์ฝึกอบรมนักระบาดวิทยา ช่วยในการสอบสวนโรค ควบคุมโรค โดยเฉพาะโรคที่เกิดขึ้นใหม่ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เช่น ซาร์ส ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ทำร่วมกันในการควบคุมโรคเอดส์ มาลาเรีย และโรคติดเชื้ออื่นๆ ในประเทศไทย รวมทั้งการเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีแผนที่จะดำเนินงานต่อในระยะ 5 ปีข้างหน้าด้วย

 ************************************** 28 ตุลาคม 2553


   
   


View 16    28/10/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ